พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค และอดีต ส.ส.สมุทรปราการ อาทิ นายวรชัย เหมะ นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย นางอนุสรา ยังตรง นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ฯ ร่วมประชุมสมาชิกพรรคเพื่อจัดตั้งสาขาพรรคลำดับที่ 3 ภาคกลาง
โดยนายภูมิธรรม เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้เป็นการประชุมจัดตั้งสาขาที่ 3 มาเปิดที่สมุทรปราการ เพราะเป็นฐานสนับสนุนที่แข็งแรง โดยสาขาที่ 1 และ 2 เปิดที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.อุดรธานี ไปแล้ว ขณะที่เป้าหมายต้องทำให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด คือ เปิดให้ครบ 4 สาขาในทุกภาค จากนั้นจะเปิดในพื้นที่ภาคใต้ อยู่ระหว่างเลือกพื้นที่ ระหว่าง จ.นครศรีธรรมราช จ.ภูเก็ต และ จ.สงขลา และจะเปิดตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้ครบ77 จังหวัด ซึ่งหากครบ 4 จังหวัดที่เป็นสาขาพรรคแล้ว ต้องเปิดอีก 73 จังหวัด
นายภูมิธรรม ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ลำบาก แต่เพื่อไทยเป็นพรคใหญ่ มีฐานสนับสนุนจากประชาชน ไม่น่ามีปัญหา แต่ยังทำไม่ได้ในขณะนี้ เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ยังไม่ประกาศเขตเลือกตั้งที่ชัดเจน และตัวแทนพรรคประจำจังหวัดต้องเลือกจากเขตเลือกตั้งที่ชัดเจนในเขตเลือกตั้งใดเลือกตั้งหนึ่งในจังหวัดนั้นๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หาก กกต.ประกาศล่าช้า จะมีปัญหาเรื่องตัวแทนจังหวัดหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า "จะมีปัญหาทุกพรรค เป็นปัญหาทั้งระบบ" แม้จะเป็นพรรคใหญ่ มีฐานเพียงพอและสามารถเปิดได้ทันที แต่ถ้าทำไม่ทัน พรรคเล็กอื่นๆ ก็ทำไม่ทันเหมือนกัน และจะกระทบกับวันเลือกตั้ง
ต่อข้อถามว่าการที่ กกต. จะประกาศเขตเลือกตั้งในสัปดาห์หน้า คิดว่าจะดำเนินการทันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องรีบทำให้ทัน เพราะยังเหลืออีก73 จังหวัดทั้งหมด ซึ่งไม่ควรล่าช้าและเป็นไปตามกำหนด หากมีการปลดล็อกพรรคการเมืองทำงานได้ตามปกติ และความล่าช้าเกิดจากตัวผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องโดยตรงมากกว่า และขอเรียกร้องอย่าใช้กฎระเบียบและความไม่ชัดเจนต่างๆ ทำให้พรรคการเมืองทำงานไม่ได้ เพราะจะเป็นปัญหาต่อไปอีก ดังนั้น คสช.ต้องทำให้โปร่งใส มีกติกาชัดเจนให้ทุกฝ่ายดำเนินการได้ อย่าคลุมเครือเพราะจะถูกวิจารณ์ว่ากำลังหาประโยชน์จากกติกาที่ตัวเองกำหนด
หาก คสช. ตั้งใจและมองเห็นว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจะเป็นผลดีกับประเทศ จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและประเทศต่างๆ ยอมรับประเทศไทยมากขึ้น ไปสู่การแก้ปัญหา ดังนั้นต้องทำให้เข้าสู่ระบบปกติโดยเร็วที่สุด เพราะระบบปกติจะทำให้ประเทศมีความหวัง ประชาชนสามารถเลือกและตัดสินใจเลือกคนมาบริหารประเทศตามที่ต้องการ
นอกจากนี้ยังมีการสอบถามว่าจะลงพื้นที่อีกหรือไม่ เช่นเดียวกับที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะต้องเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นการเตรียมพร้อม เนื่องจากเราไม่รู้ว่าจะแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไร ส่วนจะเข้าข่ายหาเสียงหรือไม่นั้น กฎหมายระบุว่า "ให้รับสมัครสมาชิกได้" และพรรคเพื่อไทยระวังในสิ่งที่ทำที่สุด ไม่ทำอะไรเกินเลยหรือทำให้ถูกตีความไ้ด้ว่าจะเป็นปัญหา เพราะเราเผชิญกับภาวะนี้ และเป็นปัญหามาก เราพยายามทำเท่าที่เงื่อนไขให้ทำได้ และการเลือกตั้งในบรรยากาศแบบนี้ เล่าให้สื่อและต่างประเทศฟังจะรู้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่ผิดปกติ และอยากให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
ส่วนการที่รัฐบาลเตรียมหารือกับพรรคการเมืองอีกครั้ง เพื่อนำไปสู่การปลดล็อกก่อนเลือกตั้ง นายภูมิธรรม ย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องหารือ ทุกอย่างเหลือแค่การปลดล็อกอย่างเดียว โดยคสช.ควรยกเลิกคำสั่งและปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็นในระบอบประชาธิปไตย ส่วนใครทำอะไรที่ผิดกฎหมายก็มีกฎหมายอยู่แล้วกำหนด อย่าใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ยิ่งใช้เป็นข้ออ้างและพรรคการเมืองทำงานได้น้อย จะสะท้อนว่ารัฐบาลกำลังสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้กับพรรคการเมืองต่างๆ
ทั้งนี้ พรรคมีจุดยืนว่า กกต.ควรทำหน้าที่ ถ้า กกต.เชิญมา เราจะไปหารือ แต่ถ้า คสช. เชิญ เราไม่ไป เพราะแสดงว่า คสช.กำลังครอบงำและมีบทบาทในทุกเรื่อง
ส่วนกระแสข่าวสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะไปอยู่กับพรรคไทยรักษาชาติ จะทำให้เกิดการทับซ้อนหรือไม่ เลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นผลมาจากกติกาของรัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้นักการเมืองที่อยากทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชนต้องคิดว่าจะไปอยู่อย่างไร การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองใหม่ใาจากสภาพที่เป็นอยู่ หากปล่อยแบบนี้พรรคการเมืองจะถูกตอนและบีบให้ไม่สามารถมีสมาชิกได้ หรือมีจำนวนผู้แทนไม่มากเพียงพอ การเกิดพรรคเป็นเรื่องธรรมดาเพราะนักการเมืองก็หาโอกาสเข้าไปทำงานมนสภาฯมากขึ้น ส่วนที่มีบุคคลในตระกูลเดียวกันไปทำงานคนละพรรคนั้น ในอดีตเคยมีที่สามีอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ภรรยาอยู่พรรคกิจสังคม เพราะความคิดทางการเมืองห้ามกันไม่ได้และไม่เกี่ยวกับเรื่องตระกูล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: