ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก โดยศาลแพ่ง รับคำร้องและไต่สวนฉุกเฉิน กรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ยื่นขอให้เพิกถอนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และคำสั่งต่างๆที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงขอให้คุ้มครองชั่วคราวผู้ชุมนุม ซึ่งศาลแพ่งนัดฟังคำสั่ง ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ชลน่าน กล่าวว่า แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงแล้ว แต่คดีความก็ดำเนินต่อไปตามกระบวนการ และมองว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ยอมยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงดังกล่าว เนื่องจากแรงกดดันและความขับเคลื่อนที่ทางกลุ่มได้ยื่นต่อศาลแพ่งครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ศาลต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปและคำฟ้องของฝ่ายตนทำมาโดยละเอียด มุ่งไปที่ความไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้นในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีเหตุร้ายแรงด้วย ดังนั้นการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว จึงไม่มีผลต่อรูปคดี และต้องดูว่าศาลจะคุ้มครองผู้ชุมนุมหรือไม่ โดยฝ่ายตนในฐานะโจทก์ ได้ยกกรณีการชุมนุมของ กปปส. ที่มีการปิดสถานที่ราชการและความรุนแรงต่างๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุมของ กปปส.อย่างที่ทราบกันทั่วไป ประกอบคำฟ้องครั้งนี้ด้วย
ไร้ความชอบธรรมตั้งแต่ต้น
ขณะที่กลุ่มนิสิตนักศึกษาและทนายความ ยืนยันตรงกันว่า การดำเนินคดีที่ฟ้องเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังคงดำเนินต่อไป หากศาลตัดสินว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็จะทำให้ปฏิบัติการตามประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยซึ่ง สามารถใช้ยื่นต่อศาลอาญาเอาผิดทางอาญาได้ และยังเรียกค่าเสียหายจากการสลายการชุมนุมการควบคุมตัว แกนนำและมวลชนต่างๆได้ด้วย
ศุกรียา วรรณายุวัฒน์ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะโจทก์ย้ำว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงไม่ชอบธรรมตั้งแต่ต้น และการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวโดยอ้างเหตุว่าการชุมนุมคลี่คลายนั้น ไม่สอดคล้องกับเป็นความเป็นจริง และไม่มีความชอบธรรมที่จะยกมากล่าวอ้างง เนื่องจากการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาประชาชนเป็นไปด้วยความสงบ และไม่ได้มีความรุนแรงตั้งแต่ต้น
พร้อมยืนยันด้วยว่า การชุมนุมของคนรุ่นใหม่จะดำเนินต่อไปจนบรรลุเป้าหมาย และการถอยของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ประชาชนต้องการคือการลาออก ไม่ใช่แค่ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม