กลุ่มคนรุ่นใหม่ 'พรรคเพื่อไทย' จัดเวทีสนทนากับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย โดยร่วมพูดคุยกับคนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษา ประชาชนในหัวข้อ "มองเศรษฐกิจด้วยวิธีคิดแบบคนรุ่นใหม่"
โดยช่วงถามตอบมีการถามคำถามเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหารถติดในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งการเรียนสายวิชาชีพ โดยนายชัชชาติ ระบุว่า หัวใจการแก้ไขปัญหาการจราจรโดยเฉพาะรถติดต้องใช้ขนส่งสาธารณะ ดังนั้น ต้องทำระบบขนส่งสาธารณะให้ดี โดยเฉพาะรถเมล์ ไม่ใช่แค่สร้างรถไฟฟ้าเท่านั้น รวมทั้งต้องทำให้เป็นเมืองที่เดินได้ ไม่ใช่สร้างถนนเพิ่มแต่ต้องทำให้คนมานั่งรถเมล์ให้ได้
นายชัชชาติ ยังระบุถึงการเรียนสายวิชาชีพ ปวช. และ ปวส. ว่าการเรียนปริญญาตรี ทำให้เกิดปัญหาขาดคลานแรงงาน ดังนั้นจะต้องมีการฝึกงานสำหรับผู้ที่เรียน ปวช. และ ปวส. ให้มีการฝึกงานในโรงงานด้วย ดังนั้น อนาคตรัฐต้องให้ความสำคัญกับแรงงาน
จากนั้นนายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวทางและนโยบายในการรับมือเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เช่น กองทุนคนเปลี่ยนงาน กองทุนดูแลเอสเอ็มอี กองทุนเปลี่ยนหน้าดิน กองทุนพัฒนารายได้ ขณะเดียวกันจะเพิ่มช่องทางหาตลาด หาวิธีทำ ซึ่งจะมีตัวเลขที่ชัดเจนออกมา
ส่วนนโยบายปรับลดงบประมาณของกองทัพ พรรคเพื่อไทยมองจากฐานคิดว่า กองทัพเป็นส่วนหนึ่งของราชการ ถ้ามีไขมันได้ก็ต้องปรับออกได้ เพราะอย่าลืมปี 2562 งบประมาณของประเทศมีการตั้งงบฯ ขาดดุลกว่า 4.5 แสนล้านบาท ขณะที่หนี้สาธารณะในอนาคตจะขึ้นอีก 48 % ยืนยันนโยบายของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่แค่ปรับลดงบประมาณในกระทรวงกลาโหมเท่านั้น แต่จะพิจารณาในทุกกระทรวง
นายชัชชาติ มองว่า เป็นเรื่องที่ดีที่มีกระแสตื่นตัวคนรุ่นใหม่สนใจการเมือง รวมถึงยอดผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านคน เพราะคนรุ่นใหม่จะอยู่ไปอีกนานดังนั้นต้องออกมาให้มากที่สุด เพราะเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุดที่ต้องอยู่กับรัฐบาลมากที่สุด ส่วนตัวดีใจกระแสตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ มั่นใจว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยขอให้แข่งขันด้านนโยบายด้านผลงาน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวลืออาจไม่มีการเลือกตั้ง นายชัชชาติ อุทานทันทีว่า "โอ้ว...ไม่น่ามีแล้วมั้ง มาถึงขั้นนี้ จะมีเหรอ ผมว่าทุกอย่างก็ไปได้ อาจมีเรื่องเล็กน้อยอย่าไปสนใจมาก ประชาชนก็อยากเลือกตั้ง ดังนั้นอย่าไปขวางการเลือกตั้ง"