นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ เขต 13 (บางกะปิและวังทองหลาง) หมายเลข 5 รำไทเก๊ก รำกระบอง และวิ่งร่วมกับผู้สูงอายุในสวนสาธารณะ กกท. (หัวหมาก) ตั้งแต่เวลา 6.30 น. โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า อีก 2 ปีไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ มีคนอายุเกิน 60 ปีเท่ากับ ร้อยละ 20 ของประเทศ พรรคจะเน้นการปรับเบี้ยผู้สูงอายุตามสภาพเศรษฐกิจของประเทศให้ผู้สูงอายุมีค่าครองชีพที่พออยู่ได้ พร้อมทั้งดูแลเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะโครงการ 30 บาทระยะสองที่เน้นการป้องกันมากขึ้น เพราะที่ผ่านมามีคนเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตมากขึ้น
ขณะเดียวกันต้องเพิ่มสวนสาธารณะโดยใช้สถานที่ราชการมาทำเป็นสถานที่ออกกำลังกาย เพื่อให้คนมีสุขภาพที่ดี เรื่องต่อมาคือการออม คนไทยออมเงินน้อย หลังเกษียณก็มีเงินน้อย จึงอาจต้องเน้นการออมระยะยาวเป็นภาคบังคับ ปัจจุบันเงินประกันสังคมหลังเกษียณจะได้ ร้อยละ 24 ทั้งที่ตามหลักควรได้ ร้อยละ 50 ถึงจะอยู่ได้ และเรื่องสุดท้าย คือ ภาครัฐต้องจูงใจให้บริษัทเอกชนจ้างผู้สูงอายุเข้ามาทำงานโดยการลดหย่อนภาษี สำหรับคนวัยเกษียณที่ยังมีไฟทำงานอยู่
ส่วนการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอโอกาสจากประชาชนให้เป็นนายกฯต่อ สัญญาว่าจะทำให้ดีกว่าเดิม หากทำไม่สำเร็จจะกลับบ้านไม่ได้ นายชัชชาติ มองว่า สิ่งที่ท่านพูดกับประชาชนให้ประชาชนตัดสินใจ เพราะท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่แล้ว คนก็คงดูจากผลงานที่ผ่านมา แต่จากช่วงที่ผ่านมาท่านมีอำนาจพร้อมทุกอย่าง รวมทั้ง ม.44 เพราะฉะนั้นพอมาอยู่ในระบบรัฐสภาตนมองว่าจะทำงานยากขึ้นด้วย เพราะจะมีคนมาตรวจสอบมากขึ้น ส่วนตัวเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้ท่าน ส่วนเรื่องกลับบ้านตนไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร แต่คิดว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะถ้าทำไม่สำเร็จมันขึ้นอยู่กับความเสียหายของประเทศชาติมากกว่า
ส่วนเรื่องการลงพื้นที่ของนายกฯ นายชัชชาติเห็นว่า ท่านทำงานมา 5 ปีแล้ว ประชาชนก็คงเห็น ส่วนการลงพื้นที่เป็นเรื่องที่ดีที่ท่านจะลงไปสัมผัสประชาชนจริงๆ โดยไม่มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า จะได้ทราบว่าประชาชนมีปัญหาอย่างไร เหมือนที่เพื่อไทยลงพื้นที่จะพบว่าประชาชนมีปัญหาเศรษฐกิจที่ภาพรวมมันแข็ง แต่ข้างล่างอ่อนแอ ตนไม่กังวลเพราะเป็นระบบประชาธิปไตย เพื่อไทยเองก็จะลงพื้นที่เต็มที่ เพราะเราเคยทำมาแล้ว และทำได้ นอกจากนี้กรณีนายอภิสิทธิ์ประกาศจุดยืน ตนมองว่าชัดเจนดี เพื่อคนจะได้เอาไปตัดสินใจประกแบการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับพรรคที่ชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจทั้งตัวบุคคลและอุดมการณ์
นอกจากนี้นายชัชชาติยังกล่าวถึงการพิมพ์เอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. สำหรับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรผิด ว่า ตอนนี้เป็นปัญหา แม้ว่าตนยังไม่รู้รายละเอียด แต่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ กกต. ที่อุตส่าห์บินไปดูการเลือกตั้งที่ต่างประเทศแล้วต้องเอาความจริงมาชี้แจงให้ประชาชนทราบว่าปัญหาเกิดจากอะไร เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญ อย่าติดว่าคนโหวตต่างประเทศน้อย เพราะทุกเสียงมีค่าในระบอบประชาธิปไตย
ดังนั้น กกต. ต้องรับผิดชอบเต็มที่ ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ขอให้ กกต. ช่วยชี้แจงให้ชัดเจน ส่วนผู้สังเกตุการณ์เลือกตั้ง ถ้าอยากเป็นที่ยอมรับ กกต. ต้องร้องขอ หรือยอมให้มีผู้สังเกตุการณ์เลือกตั้งจากต่างประเทศเข้ามาด้วย เพื่อลดความกังวลในเรื่องความโปร่งใสในการเลือกตั้ง ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ไม่เสียหายอะไร และสุดท้ายคือเรื่องการเก็บหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าจำนวนกว่า 2 ล้านเสียง แต่ต้องเก็บไว้ถึง 7 วัน ตนกังวลถึงความปลอดภัยและมั่นคง จึงฝาก กกต. ดูแลเรื่องการเก็บหีบบัตรและหาคนเข้ามาช่วยตรวจสอบเรื่องความโปร่งใสด้วย เพื่อให้ผลการเรื่องตั้งฌผร่งใสและเป็นที่ยอมรับของทุกคน และประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้
หลังจากนั้นนายชัชชาติ และนายตรีรัตน์ ปั่นจักรยานมาที่ตลาดเสรี หัวหมาก ทานอาหารเช้า และเยี่ยมชมห้องสมุดชุมชนเยรูซาเล็ม ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียงจากซอยรามคำแห่ง 39 มาที่ย่านทาวน์อินทาวน์