ไม่พบผลการค้นหา
ศรีสุวรรณ ตอบกลับอดีตผู้พิพากษา บอกรัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติคุ้มครองประชาชนมีสิทธิตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐและสามารถฟ้องร้องเอาผิดได้โดยไม่มีความผิด หลังอดีตผู้พิพากษาคนดังกล่าวบอกการเข้าชื่อเอาผิด 5 ป.ป.ช.อาจเข้าข่ายแจ้งความเท็จ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีอดีตผู้พิพากษาได้ท้วงติงการตั้งโต๊ะให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาเข้าชื่อ 2 หมื่นรายชื่อเพื่อเอาผิด 5 ป.ป.ช. กรณีตัดสินคดีนาฬิกาหรู-แหวนเพชร ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าอาจเข้าข่ายแจ้งความเท็จนั้น ไม่แน่ใจว่าท่านผู้นั้นอ่านรัฐธรรมนูญและกฎหมายฉบับใหม่ๆ ครบถ้วนแล้วหรือไม่ หรือเอาแต่เฉพาะที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้มีอำนาจ แล้วยกมาเฉพาะบางมาตราเพื่อแก้ต่างให้ผู้มีอำนาจอย่างน่าฉงน ไม่สมกับการเป็นอดีตผู้พิพากษาที่สังคมเคารพนับถือ และทั้งๆ ที่เรื่องนี้นักกฎหมาย นักวิชาการ ประชาชนต่างวิพากษ์วิจารณ์และท้วงติงคำวินิจฉัยของ ปปช. กันทั้งประเทศ แถมท่านกลับมาขู่ประชาชนว่าอาจเข้าข่ายแจ้งความเท็จ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญ ม. 51, 63 และ 78 บัญญัติให้การคุ้มครองประชาชนมีสิทธิตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐและสามารถฟ้องร้องเอาผิดข้าราชการ นักการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐ ได้อยู่แล้ว โดยไม่มีความผิด

ส่วนข้อกล่าวหาของประชาชนที่เข้าชื่อกันก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ม.236 ประกอบ ม. 234 (1) บัญญัติไว้อยู่แล้วทุกประการ และถ้ากรรมการ ปปช.ทั้ง 5 คนมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหาของประชาชนตาม ม. 237 (3) รัฐธรรมนูญ ม.235 วรรค 4 ก็บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ให้ผู้ถูกล่าวหาต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่และจะต้องพ้นจากตำแหน่งในที่สุด และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และอาจเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปีได้

ดังนั้น การที่ประชาชนจำนวนมากมาเข้าชื่อกันก็หวังจะให้ ประชาชนมีบรรทัดฐานในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามที่ประชาชนคาดหวังโดยการทำหน้าที่ขององค์กรตามรัฐ���รรมนูญบัญญัติให้เป็นที่น่าเชื่อถือศรัทธาและสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน และเรียกร้องให้ยึดมั่นต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายเป็นที่ตั้ง โดยไม่เอนเอียงหรือตกเป็นทาสของผู้ถืออำนาจรัฐหรือมือที่มองไม่เห็นจึงเป็นประเด็นสำคัญมากกว่า ซึ่งท่านอดีตผู้พิพากษาซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของสังคมควรที่จะออกมาเป็นแกนนำในการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายเสียมากกว่าการมาท้วงติงในสิ่งที่เด็กอมมือก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่

"ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้เองครับว่าแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน นั้นคืออะไร ?" นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด