ไม่พบผลการค้นหา
ภายหลัง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกคำสั่ง หัวหน้าคสช. ปลดล็อกพรรคและชุมนุมทางการเมือง ทำให้ปี่กลองการเมืองยิ่งดังขึ้น พร้อมความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นทันที

สถานการณ์เช่นนี้หาก ‘มองข้ามช็อต’ ไปจนถึงช่วงหลังเลือกตั้งต้นปี2562 อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดทาง ทั้ง ‘พลังเคลื่อนไหว’ ยังคงทำงานอยู่ในแต่ละพื้นที่ แต่ถูกบล็อกด้วยคำสั่ง คสช.ที่ผ่านมา และ ‘พลังท่อน้ำเลี้ยง’ที่ได้เวลาขยับอีกครั้ง คือ ‘แรงหนุน’ ต่อการเกิดเหตุการณ์ในอนาคตทั้งสิ้น

โดยเฉพาะสภาวะ ‘ไม่ยอมรับ’ ผลการเลือกตั้ง หากเกิดขึ้น ‘บิ๊กตู่’ ในฐานะหัวหน้าคสช.จะรับมือได้หรือไม่ และหากเป็น ‘แคนดิเดตนายกฯ’ ของพรรคพลังประชารัฐด้วยแล้ว จะเอาความชอบธรรมใดมาห้ามศึกในอนาคต เพราะสถานะ ‘กรรมการกลาง’ ได้หายไปเรียบร้อยแล้ว ยังไม่นับรวมเรื่องบัตรเลือกตั้งเป็นแรงตีแซงคู่ขึ้นมาอีก

ด้วยเลือกตั้งครั้งนี้ที่ ‘ระยะเวลา’ ดูกระชั้นชิดไปทุกขั้นตอน หากดูจากปฏิทินต่างๆของ คสช. ที่ได้ทำขึ้น ทำให้ กกต.จำเป็นต้องจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งให้ทันตามจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งและห้ามมีข้อบกพร่องใดๆเกิดขึ้น เพราะหากมีเพียงเล็กน้อย ‘ความชอบธรรม’ ในการจัดการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นทันที

ประยุทธ์ ประวิตร รัฐบาล อนุพงษ์81211113021000000.JPG

กรณีการเสนอให้มีแต่ ‘หมายเลข’ จึงเป็นทางออกของ กกต. ที่จะทำให้การพิมพ์บัตรทำเพียงแบบเดียว ถ้ามีชื่อและโลโก้พรรค กกต. จะต้องออกแบบ 350 แบบ ตามจำนวน 350 เขต ซึ่งจะมีขั้นตอนที่มากขึ้น

หากนับ 11ธ.ค. 2561 เป็นวันที่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ประกาศใช้ จนไปถึงวันที่ปักธงเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 เท่ากับว่าพรรคการเมืองมีเวลาหาเสียง 2 เดือนกว่า ซึ่งก็อยู่ในห้วงเวลาที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง คสช. ได้ย้ำว่าวันหาเสียงจะอยู่ที่ 60-70 วัน เพราะยิ่งนานจะยุ่งได้

ว่ากันว่า คสช. เองก็ได้รับ ‘คำเตือนที่ต้องฟัง’ ถึงการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้นายวิษณุ เครืองาม มือกฎหมายคสช. ได้ทิ้งปมหลังตอบคำถาม ‘4 รัฐมนตรีพลังประชารัฐ’ ไม่ต้องลาออก เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนด แต่ก็ต้องระวังตัว และไม่ต้องลาออกจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่

“ในความเป็นจริงมนุษย์ เราไม่ได้อยู่ได้ด้วยข้อกฎหมายอย่างเดียว แต่อยู่ด้วยอะไรอีกหลายอย่าง ยังมีเรื่องสังคม ความเหมาะสม ที่ต้องหาทางเอาตัวรอดกันเอง” นายวิษณุ กล่าว

เท่ากับว่า คสช. ก็ทราบดีถึง ‘กระแสสังคม’ ที่มีอยู่ หากฝืนมากจนเกินไปจะเป็นภัยมากกว่าคุณ สุดท้ายแล้วไม่ว่าฝ่ายใดก็ต้องยึดโยงประชาชนเป็นสำคัญ ไม่มีใครฝืนกระแสนี้ได้ หนึ่งในนั้น คือ การเลือกตั้ง ที่ขั้ว คสช. ก็พยายามสร้างเรตติ้ง ฟื้นกองหนุนขึ้นมา ผ่านนโยบายๆต่างในช่วงนี้ พร้อมกับเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆโดยเฉพาะจากพื้นที่ต่างจังหวัด แม้จะปลดล็อคไปแล้วก็ตาม

นอกจากนี้ อย่าลืมว่า ‘ครม.ประยุทธ์’ ในบทเฉพาะกาล รัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ต้องเป็น ‘รัฐบาลรักษาการ’ จึงยังมีอำนาจเต็มในมือ  ซึ่งฝ่ายการเมืองก็เริ่มออกมาโจมตีรัฐบาลในเรื่องนี้ เพราะการเป็น ‘รัฐบาลรักษาการ’ จะมีข้อจำกัดหลายอย่าง

สิ่งต่างๆต้องผ่านการเห็นชอบจาก กกต. ไม่สามารถอนุมัติได้แบบรัฐบาลปกติ อีกทั้ง คำสั่ง คสช. ที่ไม่ได้อยู่ใน 9 ฉบับที่ปลดล็อกพรรคการเมือง ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ด้วย

หากสถานการณ์ในอนาคตเลวร้าย การเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม ถึงขั้นมีการปลุกระดมขึ้น เรื่องนี้มีการพูดกันมานานแล้ว เพื่อทำกติกาเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ หรือ ‘เซ็ตซีโร่กติกา’ โดยการตั้ง ‘รัฐบาลเฉพาะกาล’ ขึ้นมาทำหน้าที่ราว 1 ปี เพื่อกำหนดกติกาขึ้นใหม่

โดยมี ‘นายกฯ ทันใจ’ ที่ทุกฝ่ายยอมรับ มากำกับดูแลคณะรัฐมนตรีในการบริหารประเทศ แต่ในสภาก็เป็นหน้าที่ของ ส.ส. ที่เลือกตั้งเข้ามา โดยทำหน้าที่ในเรื่องการออกข้อกฎหมายต่างๆ ซึ่งกติกาที่ออกมาใหม่ ก็จะมีความ ‘ชอบธรรม’ มากขึ้น เพราะผ่านมือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมา แต่อันนี้ก็เป็นเพียง ‘แผนขั้นสุดท้าย’ ที่อาจเกิดขึ้นได้เท่านั้น

ประยุทธ์ 1213074621000000_l.JPG

สิ่งที่ต้องจับตา คือ กระบวนการเลือกตั้ง 24 ก.พ. 2562 ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง จะเป็นไปตามโรดแมปที่ ‘รองนายกฯวิษณุ’ ชี้แจงหรือไม่ ที่จะมีรัฐบาลใหม่อย่างช้าสุด คือ พ.ค. 2562 แต่ทางการเมืองก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ควบคุมไม่ได้ทั้งหมด แน่นอนว่าภาระทั้งหมดตกไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ เต็มๆที่ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆได้

ทั้งนี้ฝ่ายการเมืองเริ่มออกมาเสนอให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 หลังจากนี้ด้วย นำโดย อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่เสนอให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว หลัง คสช. ทำการปลดล็อกพรรคการเมือง

“การเลือกตั้งจำเป็นต้องมีความสงบ รัฐธรรมนูญทุกรัฐธรรมนูญเกิดมาใหม่ทั้งหมด การแก้ รัฐธรรมนูญ เกิดขึ้นมาหลังจากปฏิวัติเสร็จทั้งนั้น ไม่มีใครแก้ได้ ไหนๆมันเกิดมาแล้ว ก็อย่าต่อต้านกันเลย และวันนี้ยังไม่ได้ใช้สักตัวเลย ยังไม่ได้เดินหน้าประเทศ และยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเลย จะมาล้มรัฐธรรมนูญแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2561

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็มองขาดในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่มักเกิดขึ้นหลังการปฏิวัติ-รัฐประหาร

ซึ่งเป็น ‘สูตรการปฏิวัติ-รัฐประหาร’ ที่ต้องมีการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเดิม แล้วร่างฉบับใหม่ หากมี ‘รัฐประหารซ้อน’ หรือ ‘ปฏิวัติซ้ำ’ ขึ้นมาอีก ก็ไม่สามารถหลีกหนีวัฏจักรนี้ได้

คนอยากเลือกตั้ง สโมสรทหารบก

ส่วนรัฐประหาร 22พ.ค.57 จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่นั้น ก็ไม่มีใครจะคาดการณ์ได้ เพราะจากรัฐประหาร 19ก.ย.49 ผ่านมาไม่ถึง 10 ปี ก็ได้เกิดขึ้นมาอีก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือความแยบยลและการปูทางสตอรี่ขึ้นมา

โดยรัฐประหาร 22พ.ค. 2557 ถูกปูทางด้วยกฎอัยการศึก 2 วัน หรือที่เรียกกันว่า ‘รัฐประหารครึ่งใบ’ รวมทั้งการเจรจา 7 ฝ่าย ที่ไร้ทางออก และการชุมนุมของ ‘นปช.-กปปส.’ ที่ยืดเยื้อ ซึ่งแผนการรัฐประหารหรือปฏิวัติที่ผ่านๆมามีเตรียมการกันมานาน แต่เพียงรอ ‘สถานการณ์สุกงอม’ เพื่อชิงความได้เปรียบ

ดังนั้นการ ‘มองข้ามช็อต’ ทางการเมืองในเวลานี้ ฝ่ายใดจับทางลมได้ดี ก็จะได้เปรียบในศึกการเมืองครั้งนี้ไป ซึ่งหลายพรรคและหลายขั้วการเมือง ก็ทำทั้งการหาเสียงและจับทางลมสำคัญนี้ไปด้วย

อยู่ที่จะ ‘ทวน’ หรือ ‘ตาม’ กระแสลม !!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปริศนา ลายพราง
164Article
0Video
39Blog