วันที่ 17 มี.ค. 2566 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังแถลงนโยบายพรรคเพื่อไทย ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ โดยยอมรับว่า หลายนโยบายเศรษฐกิจที่เพิ่งประกาศใหม่ ต้องใช้เงิน แต่จะใช้อย่างเป็นขั้นตอนที่จะใส่เงินลงไปและมีผลกลับมาผ่านการเก็บภาษี เมื่อประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นก็สามารถจ่ายภาษีได้ ซึ่งจะเป็นรายรับของรัฐบาลแต่บางส่วนอาจจะต้องจ่ายไปก่อน และนโยยายเหล่านี้จะสามารถทำได้ทันทีหลังจัดตั้งรัฐบาล และผ่านการรับรองจากรัฐสภา พร้อมย้ำว่านโยบายของพรรคไม่ได้มีแค่นโยบายที่ต้องใช้เงิน เช่น นโยบายการเกษตร ที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อบดค่าใช้จ่ายเป็นการเพิ่มรายได้อีกทางโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มเม็ดเงินลงไป ส่วนนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล และเติมเงินรายได้ขั้นต่ำของครอบครัว 20,000 บาทต่่อเดือน จะประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมหลังการยุบสภา
ด้าน แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้จะสำรวจหาว่าครอบครัวใดที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาทเพื่อเติมเงิน เพื่อเติมเงินให้ดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเสียภาษีกลับมาให้รัฐได้ เพราะไม่สามารถใส่เงินลงไปที่จุดเดียวแล้วแก้ปัญหาวันต่อวัน ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ
ส่วนประเด็นการเมืองนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจับขั้วทางการเมือง ว่าพรรคเพื่อไทยเคารพประชาชน การจะตัดสินใจว่าจะร่วมมือกับใครก่อนการเลือกตั้งถือเป็นกติกาสำคัญที่ต้องรักษาไว้ เพราะผลการเลือกตั้งยังไม่ออก และไม่รู้ว่าประชาชนมอบหมายความไว้วางใจให้กับใคร ดังนั้นก่อนการเลือกตั้งยังไม่ขอประกาศว่าจะจับมือกับใคร
ส่วนการประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค จะเปิดทั้ง 3 รายชื่อ โดยจะพิจารณาวันสุดท้ายคือวันที่ 5 เม.ย. และจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับตัวแทนสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จากนั้นจะประกาศ ซึ่งหากยุบสภาฯ ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ และวันสุดท้ายที่จะรับสมัครเลือกตั้งคือวันที่ 7 เม.ย. การประกาศก็จะอยู่ในช่วงวันที่ 6-7 เม.ย.
ส่วนว่าที่แคนดิเดตฯ คนที่ 3 ของพรรคนั้น ได้อยู่บนเวทีในวันเดียวกันนี้ด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน หันกลับไปมองด้านหลังที่มีคณะกรรมการบริหารพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นั่งอยู่ ก่อนบอกว่า หากเป็น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยก็จะใช้ภาษากายตอบ ก่อนย้ำว่า ขอให้รอดูหลังวันที่ 5 เม.ย. ส่วนจะอยู่บนเวทีวันนี้หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและจะเป็นคำตอบให้ประเทศชาติบ้านเมืองได้ทั้ง 3 คน
ส่วนกรณีที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร มีความชัดเจนในเรื่องการย้ายสังกัด พรรคเพื่อไทยจะเปิดตัวทั้งคู่ได้เมื่อไหร่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จากกระแสข่าว สมศักดิ์ จะแถลงข่าวในช่วงบ่ายวันนี้ ขอให้รอฟังจากเจ้าตัว
การกรณีมีกระแสข่าวว่าการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 400 เขต ในวันนี้ยังไม่ใช่รายชื่ออย่างเป็นทางการ เพราะยังมีรายชื่อสำรองนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การสรรหาตัวผู้สมัครมีกระบวนการอยู่ และในช่วงที่ยังไม่มีการประกาศตัวอย่างเป็นทางการสามารถมีตัวสำรองได้ เพราะหากผู้สมัครไม่ทำงานหรือประชาชนไม่ยอมรับ พรรคจะกลับมาพิจารณาคัดเลือกคนที่ดีที่สุด รวมถึงให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่แม้มีประสบการณ์น้อยกว่า แต่พรรคมีเครือข่ายการทำงานที่เติมเต็มได้ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์
'เศรษฐา-แพทองธาร' ตอบสื่อต่างชาติ วอนให้เครดิต 'เพื่อไทย' ไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว ผู้สมัครทุกคนมีความสามารถดี ชี้นโยบายเก่าไม่สำเร็จเพราะมีรัฐประหารก่อน
ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนต่างประเทศตั้งคำถามว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงข้างมาก แต่แน่ใจหรือไม่ว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะพรรคของแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยถูกยุบมาแล้ว 2 ครั้ง เพื่อกีดกันไม่ให้ครอบครัวของแพทองธารกลับมาสู่การเมืองอีก โดย แพทองธาร กล่าวตอบเป็นภาษาอังกฤษ โดยระบุว่า ผู้สื่อข่าวกำลังถามเหยื่อผู้ถูกกระทำ ตนไม่ใช่คนทำรัฐประหาร เรามีความหวังอย่างยิ่งว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงนำมาสู่แคมเปญแลนด์สไลด์ เพราะยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์จะทำให้เราแข็งแกร่งพอจะจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน แม้จะมีกระบวนการที่สกัดกั้นอยู่
เมื่อถามต่อไปว่า ในอดีตมีหลายนโยบายประชานิยมของพรรคที่ไม่สำเร็จ เช่น โครงการรับจำนำข้าว ครั้งนี้จะสามารถให้คำสัญญาที่รัดกุมมากขึ้นต่อประชาชนได้หรือไม่ โดย แพทองธาร ตอบว่า โครงการที่ไม่สำเร็จเป็นเพราะเกิดรัฐประหารเสียก่อน แต่ละนโยบายต้องใช้ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง 4 ปีเต็ม กว่าจะลุล่วง ผ่านมาแล้ว 8 ปี เราได้ศึกษานโยบาย มีบุคคลมาร่วมงาน เช่น เศรษฐา ซึ่งมีความรู้ความสามารถ และศึกษานโยบายมามาก ครั้งนี้พรรคมีความมั่นใจในนโยบายเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อถามถึงข้อวิจารณ์ว่า ถึงพรรคเพื่อไทยจะดูมีความก้าวหน้า แต่ยังถูกมองว่า มีความเป็นพรรคครอบครัว ซึ่งยังเป็นการเมืองแบบเก่า
แพทองธาร ยื่นไมโครโฟนเพื่อให้ เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นผู้ตอบ ซึ่ง เศรษฐา ได้ผายมือไปยังว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 400 เขต พร้อมกล่าวว่า “คุณลองมองผู้คนเหล่านี้ นี่คือกลุ่มคนที่มีคุณภาพ พวกเขาเป็นผู้มีวิสัยทัศน์”
"นี่จึงไม่ใช่ธุรกิจของครอบครัว พวกเขาเป็นบุคคลที่มีประวัติดีเลิศ ได้โปรดให้ความเชื่อมั่นในตัวพวกเราด้วย" เศรษฐา ระบุ
จากนั้น ผู้สื่อข่าวถาม แพทองธาร มีคุณสมบัติใดที่เหมาะจะเป็นผู้นำประเทศ แพทองธาร ระบุว่า พรรคของเรามีนโยบายที่แข็งแกร่ง คุณสมบัติที่ทำให้เราเหมาะจะเป็นผู้บริหารประเทศนี้ ก็คือพรรคของเรา คณะทำงานของเรา ซึ่งเคยบริหารประเทศนี้มาได้แล้ว และเราจะทำได้อีกครั้ง ครั้งนี้เราจะทำให้คนไทยรวยขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้น
"ไม่ว่าดิฉันจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ ดิฉันเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคือคำตอบที่ดีที่สุดของประเทศนี้" แพทองธาร กล่าว
ต่อคำถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ต้องเป็นทั้งแม่คน และผู้ถูกคาดหมายจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไปพร้อมกัน แพทองธาร กล่าวว่า ตนชอบในการเป็นแม่ และจะมีลูก 2 คนในอนาคต น่าจะสนุกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือไม่ ตนจะยังคงอยู่ในพรรคเพื่อรับใช้ประเทศต่อไป ไม่ว่าจะในบทบาทใด ตนจะทำให้ดีที่สุด