ไม่พบผลการค้นหา
ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดช่วงเช้าดิ่ง 50 จุด ก่อนปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ 1,767.56 จุด ลดลง 2.36% มูลค่าการซื้อขาย 7.16 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลกร่วง เหตุนักลงทุนโยกเงินออกจากหุ้นเข้าพันธบัตร นักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,750 -1,790 จุด มีโอกาสรีบาวด์

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในช่วงเช้าวันที่ 6 ก.พ. พบว่า ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเมื่อเปิดการซื้อขายดัชนีร่วงต่ำกว่า 38 จุด ก่อนจะพยามยามปรับตัวขึ้น แต่ได้มีแรงเทขายออกมาต่อเนื่อง กดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างแรง แตะระดับต่ำสุดที่ 1,758.31 จุด หรือต่ำกว่าราคาปิดครั้งก่อนกว่า 50 จุด สูงสุดที่ระดับ 1,777.72 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายช่วงเช้า ที่ระดับ 1,767.56 จุด ลดลงจากวันก่อน 42.76 จุด หรือ 2.36% มูลค่าการซื้อขาย 71,565.17 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก เริ่มจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างติดลบกันถ้วนหน้า และบางแห่งลงแรงมากกว่าตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะเอเชียเหนือร่วงแรงราว 5-6% ขณะที่ อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรของสหรัฐฯ (Bond Yield) เริ่มอ่อนตัวลงบ้างแล้ว เนื่องจากมีเงินทุนจำนวนหนึ่งโยกออกจากตลาดหุ้นไปเข้าตลาดพันธบัตรมากขึ้น หลังจากพบว่า ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวดีขึ้นกว่าเดิม แต่เชื่อว่าการปรับฐานของตลาดฯ จะกินเวลาแค่ 1-2 สัปดาห์น่าจะจบได้

ขณะที่ แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ ดังนั้น แนะจับตาดาวโจนส์ฟิวเจอร์สหลังจากร่วงไปเกือบ 1,000 จุดแล้ว พร้อมให้แนวรับ 1,750-1,760 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,780 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายวันนี้ คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวอยู่ในแดนลบ แต่มองว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคจากปัจจัยทางด้านการประกาศงบนอกกลุ่มสถาบันการเงินออกมาดี โดยหากทดสอบที่ระดับ 1,780 จุด น่าจะรีบาวน์กลับขึ้นมาได้

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ระบุว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญแรงขายในช่วงเช้าวันนี้ ต่อเนื่องจากตลาดสหรัฐฯ ที่ร่วงหนักเป็นประวัติการณ์ ปรับตัวลดลงกว่า 1,000 จุด สร้าง sentiment (มุมมอง) เชิงลบต่อตลาดภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยยังต้องเผชิญแรงขายจากดัชนีที่ปรับขึ้นมาต่อเนื่องช่วงก่อนหน้านี้ 

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,750 -1,790 จุด โดยหากดัชนีปรับลงถึงแนวรับมีโอกาสรีบาวด์ได้ หากจะซื้อเพิ่มแนะนำทยอยซื้อสะสมที่บริเวณแนวรับ ทั้งนี้ หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับได้แก่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ซึ่งได้ประโยชน์จากกรณีที่ รมว.พลังงานเล็งใช้พลังงานชีวมวลผลิตไฟฟ้าในจังหวัดชายแดนใต้ และอยู่ระหว่างรอสรุปความชัดเจนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าชีวมวลในภาคใต้ 3 แห่ง 

ขณะที่ หุ้น บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA , บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือWHA ได้ประโยชน์จากร่างพ.ร.บ.อีอีซี ที่จะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนหุ้นบริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT และ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL มีประเด็นเก็งกำไรจากกรณีที่กสทช.เตรียมประมูลเน็ตในพื้นที่ชนบทในเดือน ก.พ. นี้