นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD นายพงศ์ชัย ชัญมาตรกิจ หัวหน้าสายงานสถานีโทรทัศน์ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) และนายฉัตรชัย ตะวันธรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SPC) ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณี ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ทีวี ไดเร็คฯ อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นของบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด (SPTV) จากบริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SPC) ซึ่งเป็น บริษัทย่อยของบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90.10 ของหุ้นทั้งหมดที่ออกและชำระแล้วของ SPTV หรือคิดเป็นจำนวน 90,100,000 หุ้น
นายทรงพล กล่าวถึงเหตุผลในการทำดีลครั้งนี้ว่า มีความเห็นพ้องต้องกันว่า ธุรกิจโทรทัศน์ในปัจจุบันเปลี่ยนไป มีช่องมากขึ้น มีผลทำให้เรตติ้งไม่สามารถคงราคาได้เหมือนแต่ก่อน ขณะที่ค่าผลิตเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าธุรกิจโทรทัศน์ยังสามารถอยู่ได้ แต่ไม่เหมือนเดิม ขณะเดียวกันธุรกิจทีวีช็อปปิงและออนไลน์ได้รับการตอบสนองจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี มีการเติบโตไล่เลี่ยกัน แบ่งออกเป็นออนไลน์ช็อปปิงโตปีละร้อยละ 30 ทีวีช็อปปิงเติบโตปีละร้อยละ 20
ด้านนายฉัตรชัย กล่าวว่า แม้ว่าในปัจจุบันสื่อโทรทัศน์ยังเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ แต่วิธีการทำธุรกิจต้องเปลี่ยนไปตามปัจจัยต่างๆ วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นโมเดลธุรกิจรูปแบบหนึ่ง จากโทรทัศน์ที่พึ่งพารายได้จากโฆษณามาสู่การทำรายได้เสริม และจะเปลี่ยนเป็นรายได้หลัก โดยสปริงนิวส์ช่อง 19 จะทำให้เห็นว่าการทำพาร์ทเนอร์กันระหว่างสถานีข่าว กับผู้เชี่ยวชาญด้านเทเลมาร์เก็ตติง จะไปด้วยกันต่อไปได้ และเป็นช่องโทรทัศน์ที่ตอบสนองคนยุคใหม่ ถือเป็นการวิน-วิน ทั้ง 2 ฝ่าย
"การที่บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่นฯ ขายหุ้นให้ทีวีไดเร็ค จำนวนร้อยละ 90.10 ทำให้สปริงนิวส์ กลายเป็นคอนเทนท์โพรไวเดอร์อย่างเต็มรูปแบบ และเปิดทางให้ทีวีไดเร็คเข้ามาถือครองใบอนุญาตเพื่อดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัลต่อ" นายฉัตรชัย กล่าว
นายพงษ์ชัย กล่าวถึงแนวทางการบริหารช่องสปริงนิวส์หลังจากดำเนินการซื้อหุ้นเป็นที่เรียบร้อยว่า หลังจากนี้จะให้สปริงนิวส์ดำเนินการผลิตข่าวป้อนให้แก่สถานีตามเดิม โดยช่อง 19 จะยังเป็นสถานีข่าวที่เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติของ กสทช. ที่จะมีการผลิตรายการข่าวและเนื้อหาสาระไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของเวลาออกอากาศทั้งหมด โดยวางสัดส่วนออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ข่าว รายการเนื้อหาสาระ โฮมช็อปปิง และทีวีช็อปปิง
ทั้งนี้ นายฉัตรชัย ยืนยันว่า ก่อนที่จะทำดีลนี้มีการหารือกับทาง กสทช. ในหลักการว่าไม่ใช่การขายใบอนุญาต ถือว่ายังเป็นบริษัทเดิม เพียงแต่โครงสร้างข้างหลังเปลี่ยนแปลง และยังสามารถดำเนินกิจการภายใต้กฎกติกาโทรทัศน์ช่องข่าวเช่นเดิม
ขณะที่ นายทรงพล กล่าวว่า ได้มีการปรึกษากับทางตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. ตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจซื้อกิจการ โดยพบว่าไม่มีประเด็นอะไรน่าเป็นห่วง
ผู้บริหาร นิวส์ เน็ตเวิร์คฯ ยืนยันจับมือ 'ทีวีไดเร็ค' คือทางรอดธุรกิจทีวีิดิจิทัล
ก่อนหน้านี้ นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ช่อง 19 ว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันของทีวีดิจิทัล ยังเห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในมรสุมที่ต้องเอาตัวรอดจากการใช้เรตติ้งเป็นตัวชี้วัดในการหารายได้ ทำให้เม็ดเงินโฆษณากระจุกตัวอยู่ในช่องที่มีเรตติ้งสูงเพียงไม่กี่ช่อง
บริษัทจึงได้ปรับยุทธศาสตร์เพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ โดยจับมือกับบริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์และสุขภาพบริการผ่านทุกช่องทางแบบ Omni Channel รายใหญ่ที่สุดของประเทศ ร่วมผลิตรายการแนะนำสินค้าต้ังแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับและมียอดสั่งซื้อเกินกว่าที่คาดหมาย
ขณะที่ รายได้ของช่องก็เพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากว่าเท่าตัว และเริ่มมีกำไรเงินสดจากการดำเนินงาน (EBIDA) ซึ่งหมายถึงสปริงนิวส์ใกล้จะพ้นจากสภาวะขาดทุนได้ในเร็ว ๆ นี้
ความสำเร็จจากการร่วมมือดังกล่าวทำให้ สปริงนิวส์ตัดสินใจเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจกับบริษัททีวีไดเร็คในรูปแบบการร่วมลงทุนระยะยาว เพื่อนำศักยภาพความเชี่ยวชาญในธุรกิจเทเลมาร์เก็ตติ้งมาพัฒนาทีวีดิจิตอลช่อง 19 ให้เป็นสถานีข่าวและสาระไลฟ์สไตล์คุณภาพ โดยมีแผนจะพัฒนาสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ให้เป็นผู้นำเทคโนโลยีและการบริการในรูปแบบ Response TV อย่างเต็มตัวเป็นรายแรกของวงการทีวีดิจิทัล
ทั้งนี้ ทีวีไดเร็คจะเข้าร่วมลงทุนในบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด ผู้รับอนุญาตดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัลจาก กสทช. เพื่อสร้างสรรค์รายการสาระรูปแบบใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบความสะดวกรวดเร็วทันใจ ควบคู่กับการขยายประเภทสินค้าให้หลากหลายตอบสนองทุกกลุ่มเป้าหมาย
ขณะที่ สปริงนิวส์จะทำหน้าที่ผลิตรายการข่าวและรายการสาระคุณภาพ โดยยังคงรักษาสัดส่วนเนื้อหารายการตามเงื่อนไขของ กสทช.ภายใต้ใบอนุญาตการเป็นช่องข่าวสารสาระที่มีคุณภาพได้อย่างเคร่งครัด
"เป็นการผนึกกำลังและประสบการณ์ด้านงานข่าวของเรา เข้ากับความชำนาญด้านการตลาดของทีวีไดเร็ค ซึ่งพิสูจน์แล้วจากการทำงานร่วมกันในหลายเดือนที่ผ่านมา ว่าเป็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจที่สามารถยกระดับให้ดียิ่งขึ้นได้อีก" นายอารักษ์กล่าว
ด้าน นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงทิศทางธุรกิจของสปริงนิวส์ว่านับจากนี้สปริงนิวส์จะเดินหน้าขยายธุรกิจข่าวอย่างอิสระ และคล่องตัวขึ้น ภายใต้ชื่อ 'สปริงนิวส์ เน็ตเวิร์ค' นำเสนอช่องทางสื่อทุกแพลตฟอร์ม โดยให้ความสำคัญกับช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก รวมไปถึงการผลิตรายการข่าวทางสื่อโทรทัศน์ในกลุ่มพันธมิตรทั้งทีวีดิจิทัลช่อง 19 ช่อง 26 และอื่น ๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมแผนธุรกิจ ที่จะประกาศยุทธศาสตร์เดินหน้าธุรกิจสื่อและการลงทุนด้านคอนเทนท์ ครั้งใหญ่ในปลายปีนี้
"ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรเป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ธุรกิจทีวีดิจิทัลและทิศทางของเทคโนโลยีสื่อที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองฝ่าย ต่างได้รับโอกาสที่ดีที่จะร่วมกันสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการ โดยสปริงนิวส์จะทุ่มกำลังทีมงานและปรับโครงสร้างองค์กรไปสู่ Digital Transformation และมีศักยภาพยิ่งกว่าการเป็นเพียงช่องข่าวทางโทรทัศน์ แต่จะมีขีดความสามารถในการผลิตงานที่มีคุณภาพบนช่องทางต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์ม มุ่งสู่การเป็นผู้เล่นแถวหน้าในธุรกิจสื่อดิจิทัลที่ครบวงจรอย่างแท้จริง" นางสาววทันยา กล่าว