ไม่พบผลการค้นหา
สื่อนอกชี้นาฬิกาแบรนด์ดัง 25 เรือนของผู้นำเบอร์สอง มูลค่าร่วม 40 ล้านบาท กระทบความชอบธรรมของรัฐบาลทหารไทย ที่จะสืบทอดอำนาจหลังเลือกตั้ง

หลังจากปรากฏข้อมูลว่า รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยสวมใส่นาฬิกาข้อมือยี่ห้อดังนับได้อย่างน้อย 25 เรือน สื่อต่างประเทศชี้ว่า กรณีนี้บั่นทอนความน่าเชื่อถือของคณะรัฐประหารไทย ที่ประกาศปราบปรามการรับสินบน และลดโอกาสของรัฐบาลทหารที่จะแปลงกายเข้าครองอำนาจต่อไปภายหลังการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น

เอเอฟพีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ถูกโซเชียลมีเดียตรวจสอบพบว่า เขาเคยใส่นาฬิกาหรูหรา มูลค่ารวม 1.2 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 39.5 ล้านบาท

เฟซบุ๊กเพจ ชื่อ CSI LA สืบค้นยี่ห้อ รุ่น และราคา ของนาฬิกาเหล่านั้น พบว่า ผู้นำอันดับสองของรัฐบาลรัฐประหารเคยสวมใส่ Rolexes 11 เรือน, Patek Philippes 8 เรือน, Richard Millies 3 เรือน, Audemars Pigue 2 เรือน, และ A. Lange & Sohne 1 เรือน

เอเอฟพีระบุว่า กระแสในโลกโซเชียลมีเดียเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบนาฬิกา ซึ่งไม่ได้ถูกแจ้งไว้ในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สิน เหล่านี้ (AFP, 17 January 2018 via Channel NewsAsia)

เอพีรายงานว่า เสียงครหาในเรื่องนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร ผู้เป็นข้าราชการทหาร อัตราเงินเดือนไม่ได้ฟู่ฟ่า กำลังทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาล นักสังเกตการณ์บางรายมองว่า กรณีนี้อาจปูทางไปสู่การล้มครืนของผู้ปกครองทหาร

รายงานอ้างความเห็นของอดีตวุฒิสมาชิก รสนา โตสิตระกูล ซึ่งตั้งคำถามต่อคำชี้แจงของพล.อ.ประวิตรที่ว่า นาฬิกาเหล่านั้นเป็นของที่เพื่อนให้ยืมใส่ และได้คืนเพื่อนไปหมดแล้ว “ท่านคิดว่าคนไทยเชื่อท่านหรือ ท่านตอบแบบนี้เพราะไม่คิดว่าใครจะทำอะไรท่านได้ ถ้าท่านไม่แสดงความรับผิดชอบ ท่านจะทำให้รัฐบาลทั้งชุดล้มลง”

นางสาวรสนากล่าวว่า สาธารณชนกำลังเสื่อมศรัทธาในบุรุษสวมเครื่องแบบกองทัพสีเขียว รัฐบาลบอกว่าจะกำจัดคอร์รัปชั่น มีการเขียนรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่ถ้าใช้สองมาตรฐาน ปราบปรามฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่สนใจพวกเดียวกัน คนทั่วไปจะไม่ยอมรับ

เอพีบอกว่า กรณีอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในขณะที่ผู้นำคณะรัฐประหาร และนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังหยั่งกระแสสังคม ด้วยการเปรยว่า เขาอาจครองอำนาจต่อไปภายหลังการเลือกตั้ง

จนถึงขณะนี้ รัฐบาลทหารยังไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องให้ขับหรือพักงานพล.อ.ประวิตร

นักสังเกตการณ์มองว่า การเพิกเฉยอาจทำให้รัฐบาลเสียรังวัด ผู้คนจะมองว่าผู้นำไม่เด็ดขาด หรือสังคมอาจมองว่าคณะผู้ปกครองทหารเป็นพวกปากว่าตาขยิบในเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่น ตอนทหารล้มรัฐบาล พวกเขาบอกว่าพวกนักการเมืองกินสินบนอย่างมูมมาม ส่วนพวกตนนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่อง

เอพีอ้างความเห็นของนายธิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า กรณีนี้แทบจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้ว ประชาชนอดกลั้นกับรัฐบาลทหารมามาก กรณีนาฬิกาฉาวกลายเป็นสายล่อฟ้า เบิกทางไปสู่การล้มลงของรัฐบาลทหาร (AP, 20 January 2018)

สื่อออนไลน์ เอเชียไทมส์ พาดหัวกรณีนี้ว่า เวลาของรัฐบาลทหารไทยกำลังใกล้จะหมด นาฬิกาหรูบั่นทอนโอกาสของพล.อ.ประยุทธ์ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายหลังการเลือกตั้ง (Asia Times 19 January 2018)

เอเชียไทมส์อ้างข้อเขียนของนายศูนย์รัฐ บุณยมณี รองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องอื้อฉาวนี้ ทั้งๆที่เรื่องนี้อาจลดทอนความน่าเชื่อถือของท่าน และเป็นภัยต่อโอกาสของท่านที่จะเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า (Bangkok Post, 17 January 2018)

พอล แชมเบอร์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวกับเอเชียไทมส์ว่า กรณีนาฬิกานี้บั่นทอนความชอบธรรมของการรัฐประหาร ซึ่งผู้นำทหารอ้างว่าทำไปเพื่อหยุดยั้งการคอร์รัปชั่นของผู้นำพลเรือน เรื่องนี้อาจทำให้คนไทยรู้สึกคลางแคลงใจต่อพรรคการเมืองที่มีทหารหนุนหลัง ซึ่งอาจก่อตั้งขึ้นในวันข้างหน้า.