วันที่ 8 ก.พ. 2565 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีวาระสำคัญพิจารณาร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่คณะรัฐมนตรีเสนอ ได้แก่ ร่างพ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยกรรม ซึ่งมี ส.ส.และส.ว.เข้าร่วมประชุม โดยมี ส.ส. เข้าร่วมประชุมมากถึง 436 คน ขณะที่ ส.ว.ประชุม 226 คน

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติรับหลักการแห่งร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ....ด้วยคะแนน 544 เสียง และเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษา จำนวน 35 คน กำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน

โดยการประชุมร่วมกันของรัฐสภาช่วงท้ายของวันนั้น เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดที่นั่ง ส.ส. โดยแนำป้ายพรรคเศรษฐกิจไทย มาตั้งไว้ให้กับ 18 ส.ส.กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ซึ่งถูกพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565 และย้ายมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แจ้งการต่อเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้

โดยที่นั่งของพรรคเศรษฐกิจไทย อยู่ติดกับที่นั่งพรรคพลังประชารัฐ และมีส.ส.บางส่วนมานั่งประจำที่แล้ว ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ได้เข้ามานั่งเพื่อร่วมประชุมร่วมรัฐสภาด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ ไม่ได้ปรากฏตัวในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังถูกพรรคพลังประชารัฐขับออกจากพรรค และภายหลังจาก ร.อ.ธรรมนัสพ้นจากการกักตัวที่ จ.ภูเก็ต ภายหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ 

โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้เข้ามานั่งที่เก้าอี้ของพรรคเศรษฐกิจไทย โดยมี ส.ส.ในกลุ่มร่วมนั่งในตำแหน่งของพรรคเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเลิกประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเข้าไปทักทาย ร.อ.ธรรมนัส ด้วย

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก หลังถูกพรรคพลังประชารัฐ ขับพ้นสมาชิกพรรค พร้อมกับ ส.ส. รวม 21 คน เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565 เพราะถือเป็น ส.ส.กลุ่มตัวแปรที่มีผลต่อการอยู่ในตำแหน่งของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และยังมีผลต่อการลงมติเรื่องสำคัญในสภาผู้แทนราษฎร โดยทีี่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส เลือกใช้เฟซบุ๊กชี้แจงถึงการเคลื่อนไหวของ ส.ส.ภายในกลุ่ม ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2565 ร.อ.ธรรมนัส ย้ำผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อม ติดแฮชแท็ก #การเมืองวุ่นเพราะใคร โดยระบุว่า "ผมและกลุ่มพี่น้อง ส.ส. พรรค เศรษฐกิจไทย ขอยืนยันจุดยืนเดิม คือขอทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ดำรงไว้ซึ่งเสาหลักของบ้านของเมือง นั่นคือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์"

นอกจากนั้น ร.อ.ธรรมนัส ยังระบุว่าถึงคนที่จะมาเป็นนายกฯ ต้องเป็นคนที่เคมีใกล้ๆ เรา มีจิตสาธารณะและทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง