วันที่ 21 มี.ค. ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.บรมราชชนนี รังสิมันต์ โรม อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางเข้ายื่นข้อมูลเพิ่มเติมในคดีของ อุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวพันกับคดีฟอกเงินและขบวนการค้ายาเสพติด หรือคดี 'ส.ว.ทรงเอ'
รังสิมันต์ ระบุว่า ต้องการสื่อสารเพื่อยืนยันว่าหลักฐานทั้งหมดที่ตนได้อภิปรายไปนั้น เป็นของจริงไม่ได้มีการปลอมแปลงใดๆ ส่วนจะผิดจะถูก ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ตนอยากเห็นกระบวนการยุติธรรมบังคับใช้ได้จริง ไม่ใช่ว่าหลังถอนหมายจับเมื่อ 3 ต.ค. แล้ว ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ราวกับว่าเป็นการล้มคดี หรือปล่อยคดีให้เฉื่อยชาเพื่อเอื้อใครบางคน
"ผมมั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมดมีประโยชน์ แต่ก็ขอให้คนในกระบวนการยุติธรรมทำตัวเองให้มีประโยชน์ด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้คดีเป็นแบบนี้" รังสิมันต์ กล่าว
รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า มีความคาดหวังกับ นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ซึ่งดูให้ความสำคัญกับคดีนี้ ไม่เช่นนั้นคนจะครหา นำมาสู่ความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม พร้อมย้ำว่า ถ้าตนเป็นตำรวจหรืออัยการ ตนจะออกหมายจับ ส.ว.ทรงเอ ทันที เพราะหาก ส.ว.ทรงเอ หลบหนีขึ้นมา ทั้งตำรวจ อัยการ และผู้เกี่ยวข้องจะเดือดร้อน เพราะไม่สามารถรับผิดชอบได้
ทั้งนี้ พยานหลักฐานที่ตนนำมามอบเพิ่มเติมนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง และเชื่อว่าอัยการสูงสุดมีข้อมูลมากกว่าตนเสียอีก อยู่ที่ว่าจะนำมาใช้หรือไม่ หลักคิดง่ายๆ คือ ทุนมินลัต โดนอย่างไร ส.ว.ทรงเอ ก็ควรโดนอย่างนั้น เพราะมาจากพยานหลักฐานชุดเดียวกัน การชี้แจงของ ส.ว.ทรงเอ หรือจะดำเนินคดีกลับนั้น ก็เป็นสิทธิของเขา แต่ตนก็ทำหน้าที่ของ ส.ส.สืบเนื่องมา
รังสิมันต์ ยังระบุถึงกรณีที่ยุบสภาแล้ว โดยเผยว่า ตั้งแต่หมดสมัยประชุม เอกสิทธิ์คุ้มครองในฐานะ ส.ส.ก็หมดไปแล้ว รวมถึงเอกสิทธิ์ของ ส.ว.ทรงเอ ด้วย ดังนั้น สามารถออกหมายจับได้เลยตั้งแต่ปิดสมัยประชุม ไม่ได้เป็นการทำลายนิติบัญญัติอะไร ส่วนตัวเมื่อเข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง ก็ต้องบริหารจัดการเวลา แต่ยืนยันจะทำหน้าที่เดินหน้าคดีนี้ต่อไป เพื่อพยายามให้ทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
รังสิมันต์ กล่าวถึง 100 รายชื่อผู้มีคุณสมบัติพร้อมลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ปรากฏชื่อของอดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อบางคน เช่น อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ และ ธีรัจชัย พันธุมาศ
โดยระบุว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่กฎของพรรคก้าวไกล ที่ให้ลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แบบเว้นสมัยกัน เพื่อให้โอกาสผู้สมัครรุ่นใหม่ แต่เป็นเหตุผลของแต่ละคน อย่าง อมรัตน์ นั้น ตนได้พยายามตื๊อให้ลงต่ออีกสมัยแล้ว ด้านหนึ่งก็รู้สึกเสียดายคนเหล่านี้ เพราะมีความสามารถและผลงานเป็นที่ประจักษ์ สมควรจะลง ส.ส.ต่ออีกสมัย
อย่างไรก็ตาม อมรัตน์ พิจารณ์ และ พล.ต.ต.สุพิศาล อยากจะไปทำงานสร้างพรรค จึงขอขยับบทบาทมา แต่ทั้ง 4 คนไม่ได้หายจากพรรคไปไหน
"การที่จะเป็นพรรคของประชาชน พรรคของมวลชนได้ จำเป็นต้องมีกระบวนการสร้างงานในพรรคที่เข้มแข็งด้วย เพราะพรรคการเมืองที่มีแต่ ส.ส. จะไม่ใช่พรรคการเมืองของประชาชน ซึ่งคุณพิจารณ์ คงจะไปอยู่ในบทบาทแบบนั้น" รังสิมันต์ ระบุ
รังสิมันต์ ยังเผยว่า สำหรับ ธีรัจชัย จะเปลี่ยนมาลงสมัคร ส.ส.แบบเขต ในสมัยหน้า ก็คงจะเห็นบทบาทอีกแบบหนึ่ง ซึ่งตนก็จะลงไปช่วยหาเสียงในพื้นที่ด้วย พร้อมยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงบทบาทนั้น ไม่ได้มาจากความขัดแย้งใดๆ ในพรรคทั้งสิ้น
ส่วนผู้ที่ไม่ได้ลง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อต่อ จะอยู่ในกรรมการบริหารพรรคต่อไปหรือไม่นั้น รังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องดูวาระการดำรงตำแหน่ง ยังตอบในรายละเอียดไม่ได้ แต่จะอยู่ในกระบวนการสร้างพรรคแน่นอน และจะเรียงลำดับ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเมื่อใดนั้น คงจะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้งในเวลาอันใกล้นี้