ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า โดรนลำนี้ปฏิบัติภารกิจเป็นประจำในน่านฟ้าสากล ก่อนจะเผชิญหน้าเข้ากับเครื่องบินรบรัสเซีย 2 ลำ ซึ่งพยายามบินเข้าสกัดกั้น อย่างไรก็ดี ทางการรัสเซียกล่าวว่า โดรนของสหรัฐฯ ตกลงสู่ทะเลดำ หลังจาก "บินหลบหลีกอย่างเฉียบคม" และปฏิเสธว่าเครื่องบินทั้ง 2 ลำของพวกเขาไม่ได้มีการติดต่อกันโดยตรง
กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังกล่าวอีกว่า โดรน MQ-9 Reaper ซึ่งขึ้นบินในขณะนั้น ทำการปิดช่องสัญญาณ ทรานสปอนเดอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์การสื่อสารที่ช่วยให้มีการติดตามตำแหน่งของเครื่องบินได้ ทั้งนี้ โดรน Reaper เป็นเครื่องบินตรวจการณ์ที่มีความยาวของปีก 20 เมตร
ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 07:03 น. ตามเวลาภูมิภาคยุโรปกลาง (06:03 GMT) ในวันอังคารที่ผ่านมา (14 มี.ค.)
“เครื่องบิน MQ-9 ของเรากำลังปฏิบัติการตามปกติในน่านฟ้าสากล เมื่อมันถูกสกัดกั้นและโจมตีโดยเครื่องบินรัสเซีย ส่งผลให้เครื่องบิน MQ-9 ตกและสูญหายทั้งหมด” แถลงการณ์ของสหรัฐฯ ระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า มีเหตุการณ์ในหลายครั้งก่อนการชนกันที่มีเครื่องบินขับไล่ Su-27 ของรัสเซีย ได้ทิ้งเชื้อเพลิงลงบนโดรนในลักษณะที่ "ประมาท ทำลายสิ่งแวดล้อม และไม่เป็นมืออาชีพ"
สหรัฐฯ ได้เรียกตัว อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตันดีซี เพื่อประท้วงความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยจากหลังการประชุม สื่อของรัฐบาลรัสเซียรายงานอ้างคำพูดของอันโตนอฟว่า ทางการรัสเซียมองว่าเหตุการณ์โดรนของสหรัฐฯ ถือเป็น "การยั่วยุ"
ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นเหนือทะเลดำ เกิดขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียผนวกไครเมียของยูเครนเข้าเป็นของตัวเองในปี 2557 โดยนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรได้เพิ่มเที่ยวการบินเครื่องบินสอดแนมและตรวจการณ์ แต่เป็นการออกปฏิบัติการในน่านฟ้าสากลเสมอ
คำถามสำคัญคือการเผชิญหน้ากันเมื่อวันอังคาร เป็นความพยายามของรัสเซียที่จะรบกวนโดรนของสหรัฐฯ และการทำงานของมัน หรือว่าเป็นความพยายามโดยจงใจที่จะทำลายมันลง โดยจากข้อมูลของสหรัฐฯ พบว่า มี "รูปแบบการกระทำที่เป็นอันตรายโดยนักบินรัสเซีย" เพื่อโต้ตอบกับเครื่องบินของชาติพันธมิตรในภูมิภาคนี้
ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้อาจเป็นความผิดพลาดของนักบินรัสเซีย ที่บินเข้าไปใกล้โดรนสหรัฐฯ จนเกินไป ในขณะที่พวกเขา "ส่งสัญญาณเตือน" โดรน แต่ถ้าเหตุนี้เป็นความจงใจโจมตีเครื่องบินโดรนของสหรัฐฯ โดยเครื่องบินรบของรัสเซีย มันอาจเป็นการยั่วยุครั้งใหญ่และบานปลายได้ โดยในกรณีนี้การโจมตีจะถูกมองว่าเป็นความพยายามของรัสเซีย ที่จะทดสอบการตอบสนองของสหรัฐฯ
ชาติพันธมิตรตะวันตกทำงานอย่างหนัก เพื่อหยุดสงครามในยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้น อันเป็นการเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซีย รวมถึงเหตุการณ์เหนือทะเลดำในขณะนี้ โดยทางการสหรัฐฯ กำลังประเมินการตอบสนองต่อรัสเซีย ตามที่ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ เตือนในการแถลงว่า เหตการณ์นี้เป็นการกระทำที่อันตรายซึ่ง "อาจนำไปสู่การคำนวณผิดพลาดและบานปลายโดยไม่ได้ตั้งใจ"
ที่มา: