วันที่ 26 ก.พ. 2555 ที่สวนอีเดน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะนัดวันที่ 3 มี.ค. นี้ เพื่อมีคำวินิจฉัยกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ตีความการคำนวณจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขต ซึ่งอาจทำให้บางจังหวัดมี ส.ส.ลดลงจากเดิม ว่า จังหวัดเชียงใหม่ 11 เขตเลือกตั้งจะลดที่ จ.เชียงใหม่ และจ.เชียงราย 8เขต ลดที่สองจังหวัดอย่างละ1 เขต ลด จ.ตาก 1 เขต ส่วนลดลงก็มีผลกระทบในพื้นที่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ที่สำคัญพรรคประกาศตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ไปแล้ว เชื่อว่ากลไกของพรรคเพื่อไทย จะใช้ทุกอย่างให้ประชาชนเห็นความสำคัญ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดใหญ่ เมื่อทราบจำนวนเขตเลือกตั้งแล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมาย อีกทั้งยังมี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อด้วย ดังนั้นไม่มีความขัดแย้งภายในพรรค

แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุกรณีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศบนเวทีปราศรัยจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2566 พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อตนเองเป็นผู้มีสิทธิเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ว่า จริงๆเรื่องนี้ เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา ในตอนนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ใส่เสนอชื่อผู้มีสิทธิ์เป็นแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีแต่อย่างใด การจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ต้องมาจากการที่ประชาชนเลือก ส่วนการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯไปถึงเรื่องของพรรคเพื่อไทยจะพิจารณา 

เมื่อถามว่าทุกเวทีของพรรคเพื่อไทยมีเสียงประชาชนเรียกร้องให้ แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย แพทองธาร ระบุว่า สิ่งที่ตนทำอยู่ทุกวันนี้ มีกระแสตอบรับ ซึ่งเป็นกำลังใจตอบรับที่ดีให้กับตนมากกว่า เพราะว่ามีประชาชนอยากให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งขอน้อมรับไว้ด้วยความดีใจและเป็นกำลังใจ ส่วนพรรคเพื่อไทยก็มีการหารือกันตลอดในส่วนของการเสนอชื่อผู้มีสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ขณะนี้กำลังรอเวลาที่จะมีการยุบสภาฯ ซึ่งจะประกาศชื่อตามวันและเวลาที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจะประกาศหลังมีการยุบสภาฯ ซึ่งการประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้นจะต้องมีการประกาศพร้อมกัน โดยขั้นตอน การพิจารณาผู้ลง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้นจะต้องพิจารณาตามขั้นให้เสร็จก่อนมีการยุบสภาฯ 

ถามถึงกรณี ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ระบุแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐจะเป็นตัวเชื่อมการเสนอชื่อนายกฯ แพทองธาร ระบุว่า ยังไม่ทราบแบบที่ ชูวิทย์ทราบ ยืนยันพรรคเพื่อไทยเลือก คนคุณภาพมาเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวไม่ทราบแหล่งข่าวของ ชูวิทย์ว่ามาจากที่ใด ก็เพิ่งได้ยินจากนักข่าว ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯครบทั้ง 3 รายชื่อ ส่วนคนที่สามจะเป็นใครนั้นยังไม่สามารถบอกได้และจะไม่มีการบอกใบ้ และพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ได้คุยกับพรรคการเมืองใดแต่ขอเดินหน้าหาเสียงให้แลนด์สไลด์

ด้าน นพ.ชลน่าน ระบุว่ากรณีแคนดิเดตนายกฯ นี้พรรคเพื่อไทยได้ประกาศมาตลอดขออำนาจประชาชนให้แลนด์สไลด์เพื่อให้ เพื่อให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ เพื่อ เพื่อให้แคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้มาทำหน้าที่นายกฯ 

ถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์จะมายกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองอื่นใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า “แน่นอนครับ จะไปยกมือให้เขาทำไม”

ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ระบุว่า การทำหน้าที่นายชูวิทย์เคารพในสิทธิกัน แต่วิถีทาง ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยต้องการแลนด์สไลด์เกินครึ่งของสภาฯ ถ้าแลนด์สไลด์ ยกมือให้คนอื่นให้เป็นนายกรัฐมนตรีพรรคก็จะอธิบายให้กับประชาชนได้อย่างไร 

ขณะเดียวกัน นพ.ชลน่าน กล่าวถึงกรณีที่กระแสข่าว ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำโผ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยไปฮ่องกงให้ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอนุมัติ ว่า นายภูมิธรรมได้ชี้แจงไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง อีกทั้งตนได้คุยกับนายภูมิธรรมตตลอดเวลา และนายภูมิธรรมยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวจากการเปลี่ยนไต ดังนั้น การไปต่างประเทศเป็นข่าวที่ไม่ใช่ความจริง

นพ.ชลน่าน ย้ำว่า ภูมิธรรม ยังอยู่เมืองไทย อีกทั้งกระบวนการของการเตรียมผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เริ่มต้นจากการแสดงเจตน์จำนงในการเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อ กรรมการสรรหารับแล้วต้องส่งไปยังเขตเลือกตั้งให้ความเห็นว่าในบัญชีรายชื่อจะเห็นชอบกับชื่อใด หลังจากนั้นจึง มาจัดลำดับ ดังนั้นการส่งรายชื่อให้คนใดคนหนึ่งไปเคาะนั้นมันเป็นไม่ได้ เพราะบัญชีนั้นจะต้องส่งไปยังเขตเลือกตังให้ความเห็นทั้ง 400เขต ดังนั้นกระบวนการให้ข่าวไม่ใช่กระบวนการที่แท้จริง

ส่วนกรณีที่สภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมพิเศษวันที่ 28 ก.พ.นี้พิจารณาเรื่องด่วนฝ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565พ.ศ. 2566 นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเรามีมติไม่อนุมัติร่าง พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว เนื่องจากเป็นการออก พ.ร.ก.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และการออก พ.ร.ก.นี้ไปละเมิดสิทธิพี่น้องประชาชนที่ถูกจับกุมคุมขังอยู่ ซึ่งเขาจะได้รับการคุ้มกันไม่ให้ถูกการซ้อมทรมาน ไม่ให้เกิดการอุ้มหายขณะที่ไปดำเนินคดีเขาอยู่ ซึ่งระยะเวลาที่สูญเสียไปหาก พ.ร.ก.ยังใช้บังคับอยู่ โดยเฉพาะช่วงเลือกตั้ง7-8 เดือนนั้นอนัดรายมาก เราจึงมีความเห็นชัดแจ้งว่าจะไม่อนุมัติ พ.ร.ก.ดังกล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่เรากำลังเฝ้าดูอยู่ว่าการอนุมัติของซีกเสียงข้างมากเห็นอย่างไร เพราะหากฝ่ายเสียงข้างมากอนุมัติก็เท่ากับว่า พ.ร.ก. อนุมัติใช้ได้ทันที ดังนั้น สิ่งที่เราเตรียมการไว้อีกเรื่องคือการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งตรงนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่า ถ้าหากผ่านการเห็นชอบ ฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ เพื่อส่งคำร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน แต่เราขอดูหน้างานว่าถ้าเสียงรัฐบาลส่วนหนึ่งเขาไม่เอาด้วยกับ พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว เราก็จะให้มีการลงมติ 

“ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเขาไปแอบทำคำร้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญไว้อีก 1ฉบับ เราจะดูว่าเขาคิดอะไร ถ้าเขาคิดเหมือนฝ่าายค้านก็จบ แต่เกมของรัฐบาลอาจลึกซึ้งด้วยการชิงยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อปิดปากไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายในสภา และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องก็มีเวลา 60 วันในการพิจารณา ดังนั้น พรกห.ดังกล่าวก็จะมีผลบังคับใช้ได้ต่อไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพ.ร.ก.ดังกล่าวไม่ผ่านสภาฯ รัฐบาลจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แล้วนายกฯชิงยุบสภา หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เขาคงหน้าไม่บางพอ แม้จริงอยู่ที่ผ่านมามีรัฐบาลลาออกด้วยเหตุนี้เยอะมาก แต่การลาออกหรือยุบสภาฯ เป็นจังหวะที่เหมาะพอดี เขาบอกว่าจะยุบสภาวันที่ 15 มี.ค.นี้ไปยุบสภาฯ ตรงนั้นก็ได้ หน้าบาง ชิลๆ ไป