นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำตัวรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 11 มิ.ย. ได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) กู้เงินระยะสั้น จำนวน 1,500 ล้านบาท ในรูปเครดิตไลน์ โดยวิธีเบิกเกินบัญชี (OD) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) กับธนาคารที่มีเงื่อนไขเหมาะสมที่สุด
โดยเงินกู้ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองไว้เป็นทุนหมุนเวียนในการเสริมสภาพคล่อง กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน รวมถึงเพื่อบริหารความเสี่ยงและเสริมสภาพคล่องเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในองค์กร เช่น ค่าแสตมป์ยาสูบและภาระภาษีต่าง ๆ (ภาษีเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ) ค่าซื้อใบยาและวัตถุดิบในการผลิตบุหรี่ รวมถึงเงินลงทุนตามแผนงานในโครงการโรงงานผลิตยาสูบโรจนะ โดยคณะกรรมการยาสูบแห่งประเทศไทยพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย
ทั้งนี้ วงเงินกู้ดังกล่าว อยู่ภายใต้กรอบแผนสำหรับการก่อหนี้ของ ยสท. วงเงิน 3,000 ล้านบาท ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2562 โดยการดำเนินการขออนุมัติเงินกู้ดังกล่าวอยู่ภายใต้สมมติฐาน 2 ข้อ คือ
1. รายได้จากการจำหน่ายยาสูบของปีงบประมาณ 2562 ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่จำนวน 18,817 ล้านมวน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตภายหลังที่พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสาธารณสุขของรัฐบาลที่ต้องการจะลดการบริโภคยาสูบของประชาชนในประเทศ และ ยสท. ได้ปรับราคาบุหรี่ขึ้นตามกฎหมายใหม่ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายบุหรี่ของ ยสท. ลดลง
2. ค่าใช้จ่ายในการรับซื้อใบยาสูบสูงกว่าที่ประมาณการไว้จำนวน 1,189.10 ล้านบาท เนื่องจาก ยสท. อาจมีความจำเป็นต้องช่วยเหลือเกษตรกรโดยรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบในส่วนที่เกินกว่าความต้องการจริงในการผลิตหรือเกินกว่าโควตาที่เคยได้ให้ไว้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :