หน้าฟีดเฟซบุ๊กช่วงสัปดาห์ก่อน นอกจากปรากฏการณ์เพลงแรปเนื้อหาเสียดสีสังคม ‘ประเทศกูมี’ ที่แชร์กันดุเดือดฝุ่นตลบแล้ว เห็นเพื่อนๆ หลายคนบนโลกโซเชียลฯ ก็เริ่มทยอยกันกดปุ่มอินเทอเรสเทดให้อีเว้นท์นิทรรศการ ‘แฮปปี้ เอนดิ้ง’ (Happy Endings) ผลงานของ ‘โจน คอเนลลา’ (Joan Cornellà) ศิลปินนักวาดการ์ตูนจอมตลกร้ายจากเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ที่กำลังจะเดินทางมาเยือนกรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อจัดแสดงผลงานจิกกัดสังคมสมัยใหม่แบบแสบทรวงมากกว่า 60 ชิ้น และสิ่งสำคัญคือ ภาพส่วนหนึ่งในนิทรรศการจะเกี่ยวข้องสถานการณ์ของประเทศไทย
แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่ทีมแรป ‘ประเทศกูมี’ คล้ายคลึงกับ ‘โจน คอเนลลา’ คือการหยิบยกประเด็นต่างๆ มาเสียดสีในดีกรีเผ็ดร้อน เพื่อสะท้อนภาพความเลวร้ายของปัญหาใต้พรมสังคม พร้อมเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ประชาชนทั่วไป
สำหรับคอเนลลา ในช่วง 3-4 ปีผ่านมา เขานับเป็นศิลปินตลกร้ายที่ได้รับเสียงตอบรับดีมากๆ ในหลายเมืองแถบเอเชีย เช่น ฮ่องกง ไทเป โซล รวมทั้งกรุงเทพฯ ด้วยภาพวาดอันสดใส แต่กลับสะท้อนเรื่องราวดาร์กๆ ที่มนุษย์ต้องเผชิญ เช่น ความโลภ เหยียดเพศ เหยียดสีผิว ความเหลื่อมล้ำ การทำแท้ง ยาเสพติด และอาชญากรรม จนกระทั่งเขาสามารถสร้างยอดผู้ติดตามเหนียวแน่นมากกว่า 4.7 ล้านคน
เมื่อปีก่อน นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในกรุงเทพฯ ของคอเนลลามีผู้เข้าชมกว่า 10,000 คน นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมเขาถึงเลือกกลับมาจัดนิทรรศการเดี่ยวเป็นครั้งที่ 2 พร้อมเปิดตัวผลงานชิ้นใหม่เป็นครั้งแรก ก่อนผลงานจะถูกนำไปจัดแสดงทั่วโลก
ดังนั้น ระหว่างรอประตูนิทรรศการ ‘แฮปปี้ เอนดิ้ง’ เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ทีมงาน Voice On Being จึงขอเปิดบทสนทนาเกี่ยวกับผลงานศิลปะการเสียดสี และเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นผ่านงานศิลปะตามแบบฉบับของเขา
Joan Cornellà : ตอบยากนะ บางครั้งผมก็ถูกสัญชาตญาณชักจูง ไม่ได้ทำออกมาโดยเจตนาหรอก แต่ผมว่าผมชอบรอยยิ้มบางแบบที่เคยเห็นในรูปวาดของโกยา (Francis Goya) หรือในพวกการ์ตูน และโฆษณาเก่าๆ ของอเมริกา ในบางแง่แล้วรอยยิ้มแบบนั้นมันเกี่ยวพันกับความเสแสร้ง และเหยียดหยัน
Joan Cornellà : เอาเข้าจริงผมอยากเชื่อในมนุษยชาตินะ ผมว่าเคล็ดลับอย่างหนึ่งก็คือ อย่าไปกังวลกับความระยำในโลกมากนัก สุดท้ายแล้วมันมีอะไรๆ ที่ทำให้ทุกคนมีความสุขอยู่ดี ชีวิตมันก็เหมือนการนั่งรถไฟเหาะ ถึงข้างทางจะมีแต่หายนะให้เห็นก็ตามเถอะ
Joan Cornellà : ความตายและความรักเป็นธีมที่แพร่หลายมาตลอด ในการ์ตูนของผม ความตายถูกนำเสนอแบบตลกขบขัน เพื่อให้มันดูเบาลง มันเหมือนเป็นการป่าวประกาศว่าลึกๆ แล้วพวกเราล้วนไร้ความหมาย อารมณ์ขันมันเป็นวิธีหนึ่งในการปัดเป่าเรื่องเศร้าๆ
Joan Cornellà : การมี หรือแม้แต่การพยายามจะมีวิจารณญาณ มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะคิดถูกอยู่ดี แต่มันเป็นก้าวแรกของการเข้าใกล้ความจริง ผมว่าการคิดเชิงวิพากษ์เป็นสิ่งจำเป็นถ้าคุณไม่อยากจะเฮโลไปตามคนอื่น ในแง่นั้นผมไม่เชื่ออะไรก็ตามที่รัฐบาลบอก ผมไม่เชื่อพวกคลั่งชาติ พวกคนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรทางศาสนา หรือกลุ่มคนประมาณนี้ไม่ว่ากลุ่มไหนก็ตาม ดังนั้น ถ้าเรามองว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มเริ่มต้น เราก็แค่ต้องปล่อยให้มันดำเนินต่อไป
Joan Cornellà : ไม่รู้เลย แต่มันน่ากลัวมากจริงๆ ตอนนี้ที่ยุโรปมีพรรคขวาจัดเต็มไปหมด แล้วที่ทางและเสียงของพวกเขาในรัฐบาลก็เพิ่มขึ้นทุกที นี่มันสะท้อนว่าสังคมเราทุกวันนี้แบ่งขั้วแบ่งข้างกันมากขนาดไหน ในการ์ตูนของผม ผมมักจะเสนอประเด็นพวกนี้ในมุมที่ตลก เพื่อที่จะปัดเป่าปีศาจร้ายในตัวพวกเรา มันเลยเป็นเรื่องบ้าบอมากที่มีคนมากล่าวหาผมว่าเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ และเป็นลิเบอร่านหลงตัวเอง (libtard snowflake) ไปพร้อมๆ กัน เห็นชัดเลยว่าคนพวกนี้ไม่เข้าใจความหมายของการเสียดสี
Joan Cornellà : ที่ประเทศสเปนมีแรปเปอร์หลายคนติดคุก เพราะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล แล้วผมก็ได้ข่าวว่าประเทศไทยเองมีกรณีคล้ายๆ กัน สำหรับตัวผมเอง ผมแค่โดนแบนในโซเชียลมีเดีย มันเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว ผมคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของศิลปินทุกคนที่จะต้องปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นไว้ ผมอาจจะไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคนอื่น แต่ผมจะปกป้องสิทธิที่เขาจะพูดเรื่องอะไรก็ตามที่พวกเขาอยากจะพูด
Joan Cornellà : พูดเหมือนถ้ากลับมาแล้วผมจะโดนจับเลย หวังว่าจะไม่เป็นแบบนั้นนะ ให้ตายเถอะ ผมรู้ว่าประเทศไทยมีความไม่มั่นคงทางการเมืองมาหลายทศวรรษแล้ว แต่ผมไม่คิดว่ามันจะส่งผลร้ายอะไรกับนิทรรศการของผมนะ ผมว่ามีคนจำนวนมากที่เพลิดเพลินกับผลงานของผม และผมว่านั่นก็เป็นเหตุผลที่ดีพอแล้วที่จะมาจัดแสดงอีกครั้ง
Joan Cornellà : โซเชียลเน็ตเวิร์กช่วยให้ผมมีช่องทางใหญ่ยักษ์ในการเผยแพร่ผลงาน ผมคงหาอะไรแบบนี้จากไหนไม่ได้อีกแล้ว ตอนแรกผมวาดการ์ตูนเงียบขึ้นมาก่อน เพื่อเป็นการลองเชิง แต่พอปล่อยลงเฟซบุ๊กแล้วผมรู้ทันทีเลยว่าพอการ์ตูนไม่มีคำพูดแล้ว ผมสามารถเข้าถึงคนได้เยอะกว่ามาก มันไม่ได้มาจากการตัดสินใจที่ผมจงใจเลือกเอง แต่มาจากการลองอะไรหลายๆ อย่าง การลองผิดลองถูกในเฟซบุ๊กทำให้สไตล์การ์ตูนผมเป็นแบบทุกวันนี้
พอมันเริ่มเป็นไวรัล ผมเจอฟีดแบ็กแง่ลบเยอะมาก มีคนมาต่อว่าและด่าทอด้วยความโมโห ทุกวันนี้คนพวกนั้นทำได้แค่รีพอร์ตผลงานผมเท่านั้น เพราะพวกเขาบล็อกเฟซบุ๊กผมไปแล้วถาวร อินเทอร์เน็ตมันควรจะเป็นพื้นที่เสรีให้มุมมองที่แตกต่างได้นำเสนอ แต่ปัญหาคือพื้นที่พวกนั้นถูกครอบงำโดยบริษัทแบบเฟซบุ๊ก ซึ่งบังคับใช้กฎบ้าๆ บอๆ เต็มไปหมด
Joan Cornellà : ผมไม่รู้นะ ว่าจะยังทำการ์ตูนแบบนี้อยู่ไหม แต่ผมก็จะทำอะไรคล้ายๆ กันอยู่ดีแน่ๆ สไตล์ หรือวิธีนำเสนอผลงานอาจจะต่างไป แต่ไอเดีย และประเด็นเบื้องหลังจะยังไม่เปลี่ยนแปลง
Joan Cornellà : ดีเลยนะ ผมไม่คิดว่าคนจะมาเยอะขนาดนั้น นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมมาไทยแล้วทุกอย่างก็ใหม่มาก หลังจากได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยม ผมเลยตัดสินใจกลับมาอีก
Joan Cornellà : ผมพยายามจะไม่คาดหวังอะไรจากนิทรรศการให้มากนัก แต่ผมก็หวังว่าคราวนี้คนจะมากันมากขึ้น ผมพยายามจะเข้าให้ถึงผู้ชมกลุ่มใหญ่ขึ้นเท่าที่จะทำได้ โดยการเล่าเรื่องเดิมๆ ด้วยอารมณ์ขันแบบตลกร้ายเหมือนเดิม และพยายามที่จะไม่ทรยศแก่นของงานตัวเอง จะได้ยอมรับมันลง
Joan Cornellà : ผมว่าทำแบบนี้ผลงานของผมจะได้รับความสนใจมากกว่าตัวผมนะ ซึ่งผมคิดว่าท้ายที่สุดแล้วนี่แหละคือเรื่องที่สำคัญที่สุด คนเรามักจะชอบสนใจตัวศิลปินมากกว่างานศิลปะ โดยเฉพาะทุกวันนี้ที่มียูทูบเบอร์ บล็อกเกอร์ แล้วก็ผู้นำทางความคิดเต็มไปหมด มันก็เป็นแค่วิธีที่ผมใช้หลีกหนีจากโชว์ปาหี่ของสื่อออกมาสักหน่อยเท่านั้นเอง
Joan Cornellà : จัสติน บีเบอร์
นิทรรศการ ‘แฮปปี้ เอนดิ้ง’ บริหารและจัดการโดย ฟาร์มกรุ๊ป เริ่มเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2561 เวลา 11.00-22.00 น. เป็นต้นไป ณ WOOF PACK, ศาลาแดง ซอย 1 ราคาบัตรเข้าชมนิทรรศการ 200 บาท และติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/joancornella