ไม่พบผลการค้นหา
'นพดล' ชี้พรรคเพื่อไทยไม่เคยบอกว่า 70 วัน หาเสียงไม่พอ แต่เรียกร้องว่า 70 วันไม่พอสำหรับทำนโยบาย เรียกร้องปลดล็อกให้ไปพบปะประชาชนรับฟังความเห็นได้ เพื่อทำนโยบายได้ ไม่ใช่นั่งเขียนเอาเอง

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความเข้าใจไม่ตรงกันเรื่องเวลา 70 วัน ที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่าเพียงพอในการหาเสียง เพราะในอดีตเคยใช้เวลา 20 กว่าวันด้วยซ้ำ และตั้งเป็นคำถาม ว่าถ้าอยากหาเสียงนานก็เลื่อนวันเลือกตั้งออกไปจาก ก.พ. 2562 ก็ได้ 

ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าเราต้องแยกระหว่างการทำนโยบายและการหาเสียง อย่าเอาไปปนกัน อุปมาการทำนโยบายเหมือนการถ่ายทำหนังซึ่งต้องใช้เวลา ส่วนการเอาหนังมาฉายในโรงหนังเหมือนการเอานโยบายมาให้ประชาชนพิจารณาช่วงหาเสียง มันคนละเรื่องคนละตอนกัน

พรรคการเมืองเขาไม่เคยบ่นเรื่องเวลาหาเสียง 70 วัน ซึ่งใครก็รู้ว่าเพียงพอ แต่ที่เขาเรียกร้องคือการปลดล็อกให้ทำนโยบายได้ ไปพบปะประชาชนรับฟังความเห็นได้ ไม่ใช่นั่งเขียนเอาเอง ที่บางฝ่ายบอกว่าเวลายุบสภาแล้วเลือกตั้งภายในเวลาสั้นๆ ทำไมพรรคทำนโยบายหาเสียงทัน คำตอบคือเพราะในกรณีนั้นพรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่องมาตลอด ไม่ต้องถูกห้ามไม่ให้มีการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และห้ามพรรคทำกิจกรรมทางการเมืองเช่นที่ห้ามตามคำสั่ง คสช ที่ 57/57 และ 3/58 ในขณะนี้ 

ดังนั้น ในกรณีการเมืองปกติ พรรคการเมืองพบปะสมาชิกและประชาชนโดยตลอด จึงสามารถทำนโยบายได้ต่อเนื่องไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและกิจกรรม ส่วนที่บางฝ่ายบอกว่านั่งเขียนที่พรรคโดยไม่ต้องไปลงพื้นที่พบประชาชนก็ได้ ตนยอมรับว่าบางเรื่องนั่งเขียนแบบนึกเอาเองก็พอได้ เช่นเสนอนโยบายให้ผลิตช่างฝีมือในสาขาขาดแคลน เป็นต้น

แต่ถ้าจะเสนอแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกล มันจะดีกว่าไหมถ้าเราไปดูโรงเรียน สภาพห้องเรียน ฟังครูและผู้ปกครองในชุมชน ซึ่งการเขียนนโยบายจะตอบโจทย์ได้มากกว่า

"ที่พรรคเรียกร้องเนื่องจากเรายึดเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง รัฐบาลจะสามารถปลดล็อกหรือไม่ก็เป็นอำนาจของท่าน แต่อย่างน้อยควรสามารถรับรู้ว่าพรรคการเมืองเขาเรียกร้องอะไร และใครจะได้ประโยชน์" นายนพดล กล่าว

'ภูมิธรรม' ถามย้ำ 'ประยุทธ์' กลัวอะไร ทำไมไม่รีบปลดล็อกพรรคการเมือง

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า การปลดล็อคให้การเมืองของประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดคือ วิถีทางที่จะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าและหลุดพ้นจากวิกฤติทั้งปวงและจะทำให้ประชาชนสามารถกลับคืนมามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม     

เพราะเกือบ 4-5 ปีที่ผ่านมา ประเทศตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษมานานพอสมควรแล้ว รัฐบาลและคสช.ได้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่องโดยประชาชนทุกฝ่าย ไม่ได้สร้างเงื่อนไขใดๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าของประเทศเลย 

แต่ตลอด 4-5ปีที่ผ่านมานี้ "กลุ่มผู้มีอำนาจ" ได้ ดำเนินการรีเซ็ทสมาชิกของทุกพรรคการเมือง/ยุบสาขาพรรคการเมืองของพรรคการเมืองเดิมทุกพรรคและได้ใช้เงื่อนไขที่ "ฝ่ายตน" ได้เปรียบดำเนินการหาความนิยม ออกเดินสายพบประชาชนและและใช้งบประมาณในการสร้างผลงานไปตามความคิดความเชื่อของฝ่ายตนแต่เพียงผู้เดียว เป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่อง มาโดยตลอด ซึ่งถือเป็นการกระทำ ที่เอาเปรียบผู้อื่นทุกฝ่ายมากมาย

ดังนั้น การสร้างความได้เปรียบทุกฝ่ายมามากขนาดนี้แล้ว ยังมีความหวาดกลัวอะไรอีก จึงอยากถามนายกฯ ประยุทธ์ รองนายกฯ วิษณุและผู้มีอำนาจในรัฐบาลทุกคน วันนี้พวกท่านกลัวอะไรจึงไม่กล้าปลดล็อคให้ประชาชนและพรรคการเมืองมีอิสรภาพที่จะพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อร่วมหาทางออกประเทศและขอสิทธิที่จะกำหนดอนาคตของชีวิตของพวกเขาให้คืนกลับมาดุจเดิม 

"ท่านนายก และท่านรองนายกกลัวอะไร"

เมื่อการปลดล็อคทางการเมืองคือ การเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนและทุกพรรคการเมืองได้มีโอกาสร่วมกันระดมความคิดและช่วยกันหาทางออกให้ประเทศพ้นจากวิกฤติด้วยกระบวนการช่วยกันแสวงหาและกำหนดนโยบายใหม่ที่จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและชีวิตของประชาชนเองเป็นสิ่งไม่ดีตรงไหน

วานนายกฯ ประยุทธ์และรองนายกฯ วิษณุช่วยตอบให้กระจ่าง...หรือว่า จะมีผลไปกระทบแผนการที่จะเดินหน้าเพื่อขอเป็นรัฐบาลต่อไปอีกสมัยหนึ่ง...ช่วยอธิบายให้ประชาชนเข้าใจด้วยครับ


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง