นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เผยผลการดำเนินงานโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2561 ที่สิ้นสุดการลงทะเบียนไปแล้วเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยกเว้นภาคใต้จะสิ้นสุดวันที่ 15 ธ.ค.61 ว่า มีเกษตรกรลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 1,916,432 ราย พื้นที่จำนวน 27.46 ล้านไร่ ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับในการทำประกันภัยครั้งนี้ คือ รัฐบาลเป็นผู้อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ 54 บาทต่อไร่ จากอัตราค่าเบี้ยประกันภัย 90 บาทต่อไร่ โดยเกษตรกรจ่ายเพียง 36 บาทต่อไร่ และกรณีเป็นลูกค้าที่กู้เงินเพื่อปลูกข้าวกับ ธ.ก.ส. เกษตรกรจะได้รับการอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยจาก ธ.ก.ส.
สำหรับ เงื่อนไขโครงการกำหนดให้เกษตรกรที่ทำประกันภัยต้องขึ้นทะเบียนผู้เพาะปลูกข้าว (ทบก.) ปี 2561 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ดังนั้นจึงขอเตือนให้เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับการอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยจาก ธ.ก.ส. ต้องไปแจ้งขึ้นทะเบียนทบก.ด้วย เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ความคุ้มครอง กรณีเกิดความเสียหายในพื้นที่เพาะปลูกข้าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานโครงการประกันภัยข้าวนาปี 2560 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 1,757,062 ราย จำนวนพื้นที่ 26.11ล้านไร่ โดยมีการจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้กับเกษตรกรที่ประสบภัยตามเกณฑ์ประเมินความเสียหายโดยราชการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติรวม 28 ครั้ง จำนวนเกษตรกรได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจำนวน 196,326 ราย เป็นเงิน 2,073 ล้านบาท จากพื้นที่เสียหาย 1.64 ล้านไร่
นายอภิรมย์ กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้ดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิต โดยใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น อันเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลในระยะยาว
โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับความคุ้มครองความเสียหายอันเกิดจากภัยธรรมชาติ 7 ภัย ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ และไฟไหม้ ในอัตราเงินชดเชย 1,260 บาทต่อไร่ และภัยจากศัตรูพืชหรือโรคระบาด ในอัตราเงินชดเชย 630 บาทต่อไร่
อ่านเพิ่มเติม