ไม่พบผลการค้นหา
'แม่น้องเกด' กร้าวความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม เตรียมยื่นฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังมีรัฐบาลเลือกตั้ง

นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ล้อมปราบประชาชน ที่วัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 หรือกรณี 6 ศพวัดปทุมฯ เดินมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด รัชดาภิเษก เพื่อยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าคดีของบุตรสาว โดยมีนายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตัวแทนรับหนังสือพร้อมชี้แจงความคืบหน้าคดีในเบื้องต้น 

โดยระบุว่าคดีของเหยื่อ ปี 2553 ในส่วนของกรณี 6 ศพวัดปทุมวนาราม ซึ่งอัยการได้ร้องให้ศาลไต่สวนสาเหตุการเสียชีวิตและมีการชันสูตรพลิกศพ และศาลได้ชี้ว่า ทั้ง 6 ศพถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูงจากทหาร ซึ่งคดีดังกล่าวได้ส่งกลับไปที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ เพื่อทำสำนวนส่งฟ้องตามขั้นตอน แต่ดีเอสไอยังไม่ได้ส่งสำนวนกลับมาให้อัยการ จึงไม่ทราบรายละเอียดสำนวน รวมถึงสำนวนผู้เสียชีวิตรายอื่นกว่า 100 ศพและที่บาดเจ็บร่วม 2,000 รายนั้นด้วยที่สำนวนยังมาไม่ถึงมืออัยการเช่นกัน โดยย้ำว่าทางอัยการได้ประสานไปดีเอสไอให้เร่งทำงานสอบสวนอยู่เป็นระยะ

นางพะเยาว์ กล่าวว่า การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นเหมือนการโยน เผือกร้อน กันไปมา ท่ามกลางข่าวซึ่งบั่นทอนความหวังของญาติผู้สูญเสียที่มีมาเป็นระยะ โดยเฉพาะการแทรกแซงของผู้มีอำนาจที่ต้องการให้คดีไม่คืบหน้า จึงเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้น หรือความล่าช้าของกระบวนการยุติธรรม คือความอยุติธรรม และหมดเวลาที่จะมาร้องขอความเห็นใจจากผู้เกี่ยวข้องเเล้ว

พร้อมเปิดเผยว่า หลังจากนี้จะปรึกษาทนายความเพื่อฟ้องเอาผิดกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งจะรอให้มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งก่อนจึงจะดำเนินการฟ้องร้อง เนื่องจากนับแต่มีรัฐบาล คสช.เจ้าพนักงานที่ดูแลคดีในดีเอสไอ รวมถึง อัยยการก็ถูกเปลี่ยนตัว และคดีความมีทิศทางที่จะทำให้เป็นสำนวนขอบดำ หรือ หาผู้กระทำผิดไม่ได้ จึงไม่เชื่อมั่นว่าหากฟ้องในรัฐบาลชุดนี้ อาจไม่เป็นผลตามที่คาดหวัง

ส่วนนายณัทพัช อัคฮาด น้องชาย น.ส.กมนเกด ระบุว่า คดีนี้ล่วงเลยมาเกือบ 10 ปี ซึ่งถือว่าจะถึงครึ่งหนึ่งของระยะเวลาที่จะหมดอายุความแล้ว และความจริงควรที่จะปรากฏ ต่อสังคมไทยดังนั้นทุกฝ่ายรวมถึงทางกองทัพ ควรที่จะร่วมมือกันเพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงให้กระจ่างขึ้นแก่สังคม ว่าการมีผู้เสียชีวิตเป็นร้อยศพซึ่งรวมถึงทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยนั้น เป็นฝีมือของใครกันแน่ ไม่ควรแสดงท่าทีหรือทำให้เรื่องปิดเงียบไปแบบคลุมเครือดังเช่นที่ผ่านมา