วันที่ 8 เม.ย. 2567 ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ เหตุผลหลักอย่างหนึ่งคือขาดเม็ดเงินลงทุนที่เพียงพอและกระจายตัว ซึ่งการกระตุ้นการลงทุนที่สามารถสร้างผลกระเทือนเป็นห่วงโซ่ไปยังธุรกิจอื่นๆ ได้มากคือภาคอสังหาริมทรัพย์ จึงเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรการที่รัฐบาลเตรียมประกาศออกมานั้นจะส่งเสริมให้เกิดการ “ซื้อ-สร้าง-ซ่อม” ที่อยู่อาศัย เพื่อดึงเงินเข้าระบบผ่านการจ้างงาน การซื้อวัสดุก่อสร้าง และการผลิต ซึ่งจะส่งผลต่อการกระตุ้นจีดีพีด้วย
ทั้งนี้ ตนอยากให้มีมาตรการที่มุ่งช่วยให้กลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง สามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเองได้ด้วย เพราะกลุ่มนี้เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด นอกเหนือจากจะสร้างผลกระเทือนทางเศรษฐกิจแล้ว ยังสามารถยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนตามนโยบายของรัฐบาลได้ด้วย
ชนินทร์ กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากมาตรการที่ทางรัฐบาลดำเนินการได้แล้ว ตนอยากเรียกร้องไปถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายตามที่มีการเรียกร้องกันมายาวนาน เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยของผู้ผ่อนบ้าน และผ่อนคลายมาตรการ LTV (Loan-to-Value) ให้ผู้ซื้อสามารถกู้ได้ในสัดส่วนที่สูงขึ้น หรือเต็ม 100% เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อบ้านและเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น เพราะที่อยู่อาศัยเป็นสินค้าจำเป็น และมีราคาเติบโตเฉลี่ยต่อเนื่องตามกาลเวลา มิใช่สินค้าฟุ่มเฟือย อีกทั้งการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารก็ต้องพิจารณาศักยภาพในการผ่อนของผู้กู้ด้วยอยู่แล้ว เชื่อว่าหากปลดล็อคข้อจำกัดว่าให้กู้ได้ไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินนี้ จะส่งผลดีกับเศรษฐกิจ และยังมีผลสืบเนื่องช่วยกระตุ้นการซื้อขายทั้งบ้านใหม่และบ้านเก่า ช่วยดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ระบบได้อีกทางหนึ่งด้วย
”ผมมั่นใจว่านายกฯเศรษฐาสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย และคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นได้ไปพร้อมกัน แต่มาตรการทางการเงินเองก็มีความสำคัญมากในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจ หากแบงก์ชาติสามารถทำงานเป็นทีมกับรัฐบาลได้ จะเป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุด“ ชนินทร์ กล่าว