ที่พรรคเพื่อไทย ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย จิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีธุรกิจสีเทาของกลุ่มทุนจีน ที่มีการขยายผลจับกุม และพบว่าได้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองใหญ่
ยุทธพงศ์ ระบุว่า ผู้เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบที่มาของเงินว่าได้มาจากธุรกิจผิดกฎหมาย หรือจากธุรกิจสีเทาหรือไม่ ไม่ใช่ปล่อยให้เงียบหาย การมีกลุ่มธุรกิจจีน 5 กลุ่มเกิดขึ้น สะท้อนว่าปัญหาทั้งหมดยังมีระบบส่วยอยู่เต็มไปหมด และแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลว ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นและยาเสพติด
ยุทธพงศ์ ย้ำว่า มีหลักฐานชัดเจนว่าอาจมีเจ้าหน้าที่รับส่วย และยังมีธุรกิจสีเทาชาติอื่นๆ อีก คนที่ควรออกมาชี้แจงเรื่องนี้คือ พล.อ ประยุทธ์ ที่ขณะนี้ได้แจกหนังสือรวมผลงานรัฐบาล 3 ปี ให้ ส.ส.ได้รับทราบ แต่สำหรับตนนั้น ตนให้คะแนนการแก้ปัญหาเท่ากับศูนย์ เพราะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารงาน เป็นปีที่ 8 ยังจัดการปัญหาทุจริตคอรัปชั่นไม่ได้ จึงไม่ควรจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
ส่วนกรณีปัญหาการต่อสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ซึ่งบีทีเอส ได้ขึ้นป้ายทวงหนี้ 4 หมื่นล้านบาท จาก กทม. ยุทธพงศ์ ระบุว่า เรื่องดังกล่าว พรรคเพื่อไทยได้เคยอภิปรายคัดค้านมาแล้ว 3 ครั้ง แต่การแก้ไขยังไม่คืบหน้า โดยปัญหาดังกล่าวสืบเนื่องมานาน และการก่อสร้างส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต ไปแบริ่ง สมุทรปราการ ซึ่งอยู่นอกเขตอำนาจกทม.ทำให้กทม.ไม่สามารถอนุมัติเบิกจ่ายเงินได้ เพราะเป็นเรื่องของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นเจ้าภาพ
แต่รัฐบาล คสช. ได้มอบให้ กทม.วิ่งรถแทน รฟม. และได้ไปจ้างกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ กทม. ไปจ้างบีทีเอสดำเนินการต่อ ทั้งที่เป็นทรัพย์สิน รฟม.โดยให้วิ่งรถไปถึงปี 2585 โดยวิธีพิเศษไม่มีการประมูล ไม่ผ่าน พ.ร.บ.ร่วมทุน ทั้งนี้มูลค่าหนี้ 4 หมื่นล้านบาท ส่วนแรกมีค่าระบบไฟฟ้า ส่วนที่สองคือปล่อยนั่งฟรีตั้งแต่ปี 2561 และส่วนที่สามเกิดจากจะควบรวมเป็นเส้นเดียวโดยให้สัมปทาน 40 ปีให้ กทม.ไม่ต้องจ่ายเงิน
ดังนั้น ปัญหาทั้งหมดที่เกิดมาจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ บริหารล้มเหลว ที่เลี่ยงกฎหมายแล้วไปออก มาตรา 44 ให้ กทม.รับโอนจาก รฟม.นำไปสู่การเจรจาและต่อสัมปทานล่วงหน้า ซึ่งปัญหาตรงนี้เกิดก่อนที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงเป็นเหตุผลที่ ชัชชาติ ไม่สามารถจ่ายเงินได้ เพราะส่วนต่อขยายดังกล่าวอยู่นอกเขต กทม.ซึ่งสภา กทม.ไม่มีอำนาจเบิกจ่ายได้
ยุทธพงศ์ เสนอทางออก คือให้ กทม.โอนหนี้และทรัพย์สินส่วนต่อขยายที่ 2 ที่วิ่งรถนอกเขต กทม.กลับคืนไปให้ รฟม. ส่วน รฟม.จะนำไปวิ่งรถหรือจะเปิดประมูลอย่างใดให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน ไม่ควรให้เป็นภาระของ กทม. นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ควรมีมติยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 3/2562 กรณีส่วนต่อขยายสัมปทานนอกเขต กทม.โดยเร็วที่สุด