วันที่ 22 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลได้นัดประชุมกันเมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) ว่า ปกติทานข้าวกันเดือนละครั้งอยู่แล้ว แต่วันพรุ่งนี้จะนำเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงไดัปรึกษากับหัวหน้าพรรคทุกคน เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ ยืนยันว่า ไม่มีการพูดเรื่องปรับ ครม. และเรื่องพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมฯ 

ส่วนเนื้อหาที่พูดคุยกันนั้น เป็นการสรุปแนวทางที่จะเสนอเข้า ครม. คือ การทำประชามติ 3 ครั้ง และได้หารือเกี่ยวกับคำถามประชามติว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ต้องอิงกับนโยบายที่เคยประกาศไว้ ส่วนแนวคำถามที่เตรียมไว้ คณะกรรมการฯ ได้ร่างไว้แล้ว และจะเสนอเข้า ครม. แต่โดยสรุปคือจะถามว่า จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่แก้หมวด 1 และหมวด 2 หรือไม่ 

ส่วนไทม์ไลน์ในการเดินหน้า หลังจากพรุ่งนี้เสนอเข้า ครม. ก็จะส่งเข้า กกต. ต่อไป ซึ่ง กกต. ต้องดำเนินการภายใน 90 วัน รัฐบาลถือว่าจบหน้าที่แล้ว จากนี้ก็ว่าไปตามกระบวนการของ กกต. แต่หากไม่มีปัญหาอะไร ก็คาดว่า น่าจะทำประชามติครั้งแรกในช่วงเดือนสิงหาคม 

ส่วนที่มีประชาชนไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่คณะกรรมการฯ เสนอ กล่าวว่า ถือว่าเราไม่มีส่วนร่วมกับประชาชนไม่ได้ เพราะเราจะเสนอความเห็นที่แตกต่างทั้งหมด เข้า ครม. ทั้งนี้ ตนเองได้เชิญทั้งพรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มไอลอว์ เข้าร่วมในคณะกรรมการแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธ แต่ในกระบวนการก็ได้ไปพูดคุย รับฝากความเห็นแล้ว รวมถึงหารือผลลัพธ์ที่ได้มาทัังหมด 

ภูมิธรรม กล่าวว่า นอกจากนี้เราได้ไปสอบถามความเห็นจากประชาชนทั้ง 4 ภาค เพราะฉะนั้น จะบอกว่าเราไม่คุยกับประชาชนไม่ได้ หากจะขาดความเห็นใครไปบ้างก็คงขาดจากพรรคฝ่ายค้าน ที่ปฏิเสธไม่เข้าร่วมคณะกรรมการ 

ส่วนข่าวลือที่จะมีการเคลื่อนไหวไม่ให้ประชาชนมาลงสิทธิประชามติ ก็ขอใหัพิจารณา หากผลประชามติไม่ผ่านมา หรือจำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่ครบ ก็ต้องกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 60 แต่ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงก็ขอให้แก้ไขด้วยกระบวนการประชาชน ยืนยันเราจะทำให้ดีที่สุด จึงอยากให้ฝ่ายค้านพิจารณาใหัรอบคอบ หากจะไปเคลื่อนไหวไม่ให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญเกิดขึ้น ก็แสดงว่าอยากกลับไปอยู่แบบในช่วงรัฐประหารใช่หรือไม่ ไม่อยากให้คิดว่าความเห็นของใครถูกต้อง เพราะทุกพรรคการเมืองก็มีฐานประชาชนสนับสนุน อย่าเอาเรื่องนี้มาเถียงกันเลย 

ทั้งนี้ ภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าคณะกรรมการฯ มีแต่พวกของเราเอง นั้น เป็นข้อกล่าวหาที่ดูแคลนมากเกินไป เพราะเราเชิญจากหลายฝ่าย หลายคนก็ไม่รู้จัก