ไม่พบผลการค้นหา
AOT เชื่อมระบบเช็คอิน–ตรวจจับใบหน้า (Biometrics) ลดขั้นตอนผู้โดยสารในประเทศ ที่สนามบินดอนเมือง ลดความแออัด หลังคาดมีผู้โดยสารคับคั่งวันละ 90,000 คน มั่นใจคุยสายการบินเพิ่มตั๋วเชียงใหม่-ภูเก็ต ทำค่าตั๋วลดลงได้ 15%

กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT อธิบายถึงการนำระบบ Biometrics มาใช้เพื่อลดเวลาขั้นตอนของผู้โดยสารในประเทศ ภายในท่าอากาศยานดอนเมือง แม้ภาพรวมจะใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ตาม แต่เนื่องจากช่วง 10–12 เม.ย. จะมีผู้โดยสารใช้บริการขาออกมากถึงวันละกว่า 55,000 คน จากทั้งหมด 90,000 คน (ระหว่างประเทศมีราวๆ 35,000 คน)

ประกอบกับปีนี้ 5 สายการบินในประเทศ ที่ทำการบินที่ดอนเมือง ได้เข้าระบบ Self check in / Self backdrop ทั้งหมด รวมถึงการขอให้สายการบินปรับเวลา Check in เป็น 4 ชั่วโมงล่วงหน้า ทำให้ความแออัดแบบปีก่อนๆ ลดลง / ทั้งที่ปีนี้มียอดผู้โดยสารที่เดินทางด้วยเครื่องบินมากกว่าปี 66 ถึง 10%

กีรติ ย้ำว่า AOT มีแผนให้บริการระบบ self check in / Biometrics สำหรับสายการบินในประเทศที่ดอนเมืองเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ หลังเริ่มทดลองใช้ร่วมกับสายการบินไทย-แอร์เอเชีย 4 ไฟลท์ต่อวัน / และ 1 พ.ค. จะเป็น all flight สำหรับไทย-แอร์เอเชีย / จะเป็นจุดที่ลดขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบเอกสาร/ผู้โดยสาร ทำให้ผู้ที่เช็คอินแล้ว ผ่านขั้นตอนทันที ไปจนถึงขึ้นเครื่อง

การเดินทางที่คับคั่งของสงกรานต์ปีนี้ ยังทำให้จำนวนผู้โดยสารในประเทศที่ดอนเมือง / Recover เต็ม 100% หลังเกิดผลกระทบจากแพร่ระบาดโควิด 19 / ขณะที่ระหว่างประเทศมีอัตรา 70% ของช่วงก่อนโควิดระบาด เพราะสายการบินขนาดเล็ก-กลาง หลายแห่งยังไม่กลับมา ต่างจากที่สุวรรณภูมิ ที่ส่วนใหญ่เป็นสายการบินขนาดใหญ่ กลับมา 100% แล้ว 

“ในช่วงสงกรานต์ ตัวเลขผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ประมาณ 18%ในส่วนของดอนเมือง คนไทยตอนนี้มีความสนใจ โดยเฉพาะจีน เพราะก่อนหน้านี้การขอวีซ่าไปจีนเป็นประเด็นทำให้คนไทยเดินทางไปยาก แต่หลังจากมีฟรีวีซ่าไทย-จีนก็มีทั้งคนจีนที่ต้องการมาไทย และคนไทยต้องการไปจีนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การเดินทางทางอากาศในปลายทางสำคัญ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ได้รับความสนใจสูงสุด” กีรติกล่าว 

นอกจากนี้ พบว่า เที่ยวบินทั้ง 600 เที่ยวบินที่ดอนเมือง, สุวรรณภูมิอีก 1,100 เที่ยว 90% ยังทำการบินได้ตามตารางบิน แต่ได้กำชับและขอความร่วมมือสายการบินในเรื่องความตรงต่อเวลา 

เมื่อถามย้ำถึงค่าโดยสารเครื่องบิน ที่ยังมีราคาสูง กีรติ ระบุว่า สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้ AOT หารือสายการบิน เบื้องต้นได้เพิ่มเที่ยวบินเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยม คือ เชียงใหม่ และภูเก็ต ทำให้มีที่นั่งเพิ่มในระบบราว 20% และราคาลดลง 15%

“ช่วงหยุดสงกรานต์ 6 วัน ทางรัฐบาล โดย รมว.คมนาคม ให้นโยบาย AOT ประสานงานสายการบินเพิ่มเที่ยวบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินในประเทศในปลายทางที่นิยมในช่วงสงกรานต์ ได้แก่ภูเก็ตและเชียงใหม่ ที่ก่อนหน้านี้พบปัญหาตั๋วแพง แต่หลังจากเพิ่มเที่ยวบิน ทำให้ตั๋วที่มีในตลาดเพิ่มขึ้นอีกราว 20% ค่าตั๋วโดยเฉลี่ยที่ถูกลงประมาณ 15% ทำให้ผู้โดยสารรับประโยชน์ ทั้งค่าตั๋วที่ถูกลงและทางเลือกการเดินทางที่มากขึ้น” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าว 

ทั้งนี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ระบุด้วยว่า ได้พร้อมรองรับการเดินทางขากลับโดยเฉพาะ 16 เม.ย. ที่คาดว่าจะมีผู้โดยสารสูงสุด (peak) โดยได้เตรียมการเชื่อมต่อ รถแท็กซี่ รถเมล์ รถแกร็บ เป็นทางเลือกในการเดินทาง พร้อมปรับระบบเพื่อลดความแออัด และการรอคอย