ต่างประเทศ
'อิสราเอล' สถาปนาการทูต 'ยูเออี' ระงับแผนรุกเขตเวสต์แบงก์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า 'อิสราเอล' และ 'สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์' (ยูเออี) ได้บรรลุข้อตกลงสันติภาพประวัติศาสตร์ระหว่าง 2 ชาติ พร้อมทั้งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ
ข้อตกลงสันติภาพฉบับนี้ อิสราเอลได้ลงนามระงับแผนการรุกรานพื้นที่ในเขตเวสต์แบงก์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างยูเออีและประเทศกลุ่มมุสลิม โดยข้อตกลงดังกล่าวนับเป็นข้อตกลงที่ทางอิสราเอลทำกับกลุ่มชาติมุสลิมในรอบ 25 ปี
ที่ผ่านมายูเออีเป็นประเทศที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในการขยายดินแดนในเขตเวสต์แบงก์, กาซา และเยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการต่อสู่กันมาโดยตลอดกับอิสราเอล
สื่ออิสราเอลระบุว่า ข้อตกลงกับยูเออีนั้นรวมไปถึงจะมีการจัดตั้งสถานทูตของอิสราเอลและมีการแต่งตั้งทูตไปประจำการในยูเออี การส่งเสริมการค้าและการลงทุนในเศรษฐกิจของอิสราเอล รวมไปถึงการเปิดเส้นทางการบินระหว่างเมืองเทลอาวีฟของอิสราเอล และอาบูดาบี เมืองหลวงของยูเออี และการลงทุนร่วมพัฒนาวัคซีนต้านโควิดร่วมกัน
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า ข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลและยูเออีนี้จะนำทั้งสองประเทศไปสู่อนาคตที่สดใสร่วมกัน ซึ่งอิสราเอลได้รับการร้องขอจากสหรัฐฯ ให้ระงับแผนการขยายอำนาจอธิปไตยในเขตเวสต์แบงก์ชั่วคราว แต่อิสราเอลยืนยันว่าจะยังไม่ยกเลิกการขยายดินแดนแต่อย่างใด
ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างสองชาตินั้นจะส่งผลต่อพลวัตในภูมิภาคตะวันออกกลางมากที่สุด รวมถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เติบโต การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีนวัตกรรมและความสัมพันธ์ของประชาชนให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ปธน.สหรัฐฯ ยังคาดว่าการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและยูเออีจะนำไปสู่การสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับชาติอาหรับอื่นๆ รวมถึงปาเลสไตน์ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้เมื่อเดือน ม.ค. ปธน.ทรัมป์เคยกล่าวว่า สหรัฐฯ มีแผนที่จะยุติปัญหาในเขตเวสต์แบงก์ระหว่างอิสราเอลกับชาติอาหรับอื่นๆ ซึ่งข้อตกลงสันติภาพฉบับประวัติศาสตร์นี้เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล ปธน.ทรัมป์ที่ประสบความสำเร็จด้านการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย.นี้
