ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ เอาจริง สั่ง ‘ผบ.ตร.’ สางปมคดีแก๊งเยาวชนฆ่าป้าบัวผัน ลั่นรับไม่ได้หากตำรวจจับแพะ-ช่วยคนผิด โยน สตช.กู้ศรัธทาประชาชน ขอศึกษาข้อดี-ข้อเสีย หากมีการเสนอแก้กฎหมายลงโทษเด็ก

วันที่ 19 ม.ค. ภายหลังเดินทางกลับจากการประชุมต่างประเทศ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีกลุ่มเยาวชน ที่จังหวัดสระแก้วรุม ทำร้าย บัวผัน ตันสุ หรือป้ากบ วัย 47 ปีจนเสียชีวิต ซึ่งภายหลังยังปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาช่วยเหลือผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าวด้วย ว่า ตนกำชับไปกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปแล้ว ว่าเรื่องนี้ต้องไปถึงรากฐานที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วไม่เหมาะสมก็ต้องจัดการให้ได้ ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.) ตนมีกำหนดการไปดูโครงการตามพระราชดำริฯ พร้อมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ด้วย ซึ่งจะมีการพูดคุยกัน ก่อนย้ำว่าต้องสืบให้จบ และที่สำคัญต้องแถลงข่าวให้ประชาชนทราบว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร แท้จริงมันคืออะไร 

เมื่อถามถึงการจับแพะแทนผู้กระทำความผิดจริง นายกรัฐมนตรี กล่าวสวนทันทีว่า “โอ้ย คงรับไม่ได้หรอกครับ” ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมาย

ส่วนจะสะสางคดีเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องทำให้ได้ 

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าหากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนกระทำผิดกฎหมายด้วย จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดอย่างไร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ต้องดำเนินการตามกฎหมาย 

ส่วนกรณีความผิดของกลุ่มเยาวชนที่อาจจะมีการเสนอให้ปรับกฎหมาย ให้ผู้ที่มีอายุน้อยได้รับโทษ เพราะปัจจุบันมีผู้กระทำความผิดเป็นเยาวชนจำนวนมาก และได้รับโทษสถานเบา นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขอพูดคุยก่อน ตนก็ได้ยินมาคร่าวๆ เหมือนกันระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งจะไปพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าเหตุผลคืออะไร ข้อดีข้อเสียคืออะไร 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมารอเข้าพบนายกรัฐมนตรี หลังลงจากเครื่องบินทันที ซึ่งคาดว่า เข้ามารายการความคืบหน้าคดีดังกล่าวด้วย


ย้ำภารกิจที่สวิสได้ประโยชน์เยอะ

เศรษฐา กล่าวถึงภารกิจ ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส โดยย้ำว่า 3 วันที่ผ่านมา ได้พบนักลงทุนเยอะ ผู้นำต่างประเทศเยอะในทุกมิติ โดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้พูดคุยกับประธานสภาอียู ถึงความร่วมมือเอฟทีเอ เพื่อยกระดับพาสปอร์ตไทย และพบกับประธานาธิบดีสุภาพสตรีของสมาพันธรัฐสวิส ถึงเรื่องการค้าขาย เข้าใจว่าประเทศไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของเขา 

รวมถึงการพูดคุยกับไมโครซอฟ และกูเกิล ที่ทำเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งกูเกิลก็ย้ำว่าจะมาให้ลงทุนในไทย ซึ่งการร่วมประชุม ตลอด 3 วัน ยอมรับว่า วันแรกหนักอยู่ แต่ได้ประโยชน์ เพราะทุกคนที่มา มุ่งมั่นที่จะพบปะกัน และได้เจอกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ซึ่งไม่ได้นัดไว้ โดยได้พูดคุยกัน 15 นาที ซึ่งตอกย้ำเรื่องฝุ่นPM 2.5 ที่ได้สั่งการไปทุกหน่วยงาน ของทั้งสองประเทศแล้ว และย้ำว่าจะมีการหารือความร่วมมือในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ท่านจะมาเยือนแบบวันเดย์ทริป ด้วย 

ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์ ที่เห็นทางกลุ่มทุนดูไบสนใจนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เขาสนใจ เพราะเขาบริหารท่าเรือแหลมฉบังอยู่แล้ว และตนได้พบเจอกับ ซีอีโอด้วย ซึ่งมีความมุ่งมั่นโดยดูจากสายตาและการพูดคุย รวมถึงเป็นผู้ที่กษัตริย์ของยูเออี ให้ความไว้วางใจสูงมาก พร้อมจะเชื้อเชิญมาพูดคุยในเดือนหน้า และไปดูสถานที่ โดยกระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพ 

และจากการที่ได้พบ มิสเตอร์ GAUTAM ADANI ที่เป็นมหาเศรษฐี อันดับต้นๆ ของโลกและบริหารหลายสนามบินในอินเดีย โดยเฉพาะเมืองรอง ถือว่าโชคดีที่ได้เจอ เพราะเมืองรองของเขาก็อยากเข้ามาไทยมากขึ้น ซึ่งตนก็ได้ตอกย้ำอยากให้คนของเขา เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่ง GAUTAM ADANI ก็ตอบรับจะไปพูดคุยให้ รวมถึงเค้าก็สนใจในโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะเขาทำโลจิสติกส์ในอินเดีย ซึ่งจะเป็นการช่วยต่อจิ๊กซอว์ให้เป็นภาพได้ 

เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ ต่อแม้ฝ่ายค้านและหลายฝ่ายจะค้านว่าไม่คุ้มทุนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การจะทำอะไรก็ต้องมีคนที่ไม่เห็นด้วยหรือให้ข้อคิด และเตือนสติกับรัฐบาลว่าเราจะต้องระมัดระวังในเรื่องพวกนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดา พร้อมยืนยันที่จะเดินหน้าต่อ 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับถึงประเทศไทย อย่างอารมณ์ดี โดยก่อนให้สัมภาษณ์ เล่นมุกเดินเลยไมค์ ก่อนเดินกลับมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน 

นอกจากนี้ภายหลังสัมภาษณ์เสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่จะเดินทางไปเยี่ยมมารดา ที่ป่วยอยู่โรงพยาบาล ก่อนจะเดินทางเข้าปฏิหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า เหมือนนายกฯไม่สบาย เสียงหาย เศรษฐา ระบุว่า เป็นหวัดนิดหน่อย