วันที่ 20 ก.พ. 2566 ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดเผยเอกสารเพิ่มเติม ภายหลังการอภิปรายทั่วไปพร้อมเปิดหลักฐานที่ชี้ให้เห็นกรณี ‘ส.ว.ทรงเอ’ หรือ ‘อุปกิต ปาจรียางกูร’ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด และฟอกเงิน ว่า หลังจากที่ตนได้อภิปรายทั่วไปในสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงมีการเพิกเฉย และไม่มีการเรียกคนที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ แต่กลับรับลูกนายอุปกิตที่ฟ้องร้องตนเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาทจากตน
โดยในวันนี้ได้งัดหลักฐานเด็ดเป็นเอกสารสัญญาซื้อขายโรงแรมที่ อุปกิต อ้างว่า ทรัพย์สินที่เคยครอบครองได้ขายไปก่อนที่มาดำรงตำแหน่ง ส.ว. โดยยกเอาเอกสารที่สำนักอิศราไปตรวจสอบพบว่า เป็นสัญญาซื้อขายกิจการโรงแรมที่อุปกิตตกลงซื้อขายโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมาร์ โดยได้สิทธิ์ในการใช้ประโยชน์บนที่ดินอันเป็นที่ตั้งของโรงแรม แต่ต่อมาได้ตกลงขายโรงแรมดังกล่าวให้ ชาคริส มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และตกลงชำระเงินกันในเดือนสิงหาคม 2562 แต่เมื่อตรวจสอบพบว่า สัญญาซื้อขายที่อุปกิตทำนั้นเป็นสัญญาปลอม เป็นเพียงการตกลงซื้อขายกันแค่ในนาม
จากนั้นต่อมาในปี 2563 อุปกิต ได้ตกลงขายกิจการโรงแรมในราคาประมาณ 300 ล้านบาท และหักค่านายหน้า รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เหลือเงิน 265 ล้านบาท แต่ไม่ได้แจ้งว่าขายให้กับบุคคลใด พร้อมกับได้รับส่วนแบ่ง และถือหุ้นร้อยละ 15 จึงตั้งข้อสังเกตในการทำสัญญาซื้อขายที่ไม่ชอบมาพากลว่า ถ้าอุปกิตต้องการขายกิจการโรงแรม ทำไมไม่ทำให้เป็นสัญญาซื้อขายหุ้นให้กับบริษัทอัลลัวร์ กรุ๊ป ของชาคริส และบอกว่า หนังสือรับรองจากธนาคารที่อุปกิตอ้างว่าได้จ่ายเงินในการซื้อโรงแรมไม่มีการระบุเงินจำนวน 8.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ว่ามาจาก ชาคริส หรือไม่ และถ้าเป็นกรณีอัลลัวร์ กรุ๊ป ขายสิทธิ์ในโรงแรมให้ชาคริส ทำไมไม่เป็นสัญญาในนามอัลลัวร์ กรุ๊ปที่เป็นผู้ขายให้
รังสิมันต์ กล่าวอีกวรา ข้อสังเกตที่น่าสนใจที่สุดคือ สัญญาที่ระบุว่า ซื้อขายวันที่ 9 พ.ค. 2562 มีลักษณะเป็นส่วนตัว ซึ่ง อุปกิต ยกอาคารโรงแรม และสิทธิในที่ดินให้ชาคริส ซึ่งจากเอกสารการถือหุ้น และหนังสือการซื้อขายที่ตรวจสอบชี้ให้เห็นว่า หนังสือสัญญาที่อุปกิตทำเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2562 ระหว่าง อุปกิต และชาคริสเป็นเอกสารเท็จ เงินจำนวน 8.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เข้าบัญชีอุปกิตมาจากไหน และมาจากใคร อีกทั้งการกระทำของอุปกิตอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปามการทุจริต 2561 ที่จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง และมีเจตนาไม่แสดงที่มาของทรัพย์สิน
รังสิมันต์ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ชาคริสอาจเป็น “บัญชีม้าพรีเมียม” ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อการโยกย้ายทรัพย์สินของอุปกิต และมีพฤติการณ์ที่ควรเชื่อว่า มีเจตนาในการแสดงที่มาของเงินในจำนวน 8.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากเป็นตามที่มีการตั้งข้อสังเกตจะเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการปราบปรามการทุจริตฯ 2561 ในมาตรา 167 รวมถึงในมาตรา 114 ประกอบมาตรา 81 ที่กำหนดไว้ว่าให้ ป.ป.ช. เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อวินิจฉัยหากปรากฎให้เห็นว่า อุปกิตผิด และปกปิดทรัพย์สินจริงก็จะต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ว. ถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสูงสุด 10 ปี ซึ่งภายในสัปดาห์นี้จะยื่นหลักฐานทั้งหมดต่อ ป.ป.ช. ต่อไป
พร้อมตั้งคำถามไปยัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่าจะตรวจสอบหรือไม่ เพราะวันที่ 28 ก.พ. นี้จะมีการปิดสมัยประชุมรัฐสภาทำให้เอกสิทธิ์ในการคุ้มครอง อุปกิตก็จะสิ้นสุด รวมถึง ส.ส. ด้วย คำถามที่สำคัญคือ ผบ.ตร. ในฐานะที่เป็นพนักงานสอบสวนสูงที่สุดในประเทศจะดำเนินคดีต่อไปหรือไม่ เพราะหลังจากที่ตนได้อภิปรายจนถึงตอนนี้ได้พูดถึงหลักฐานไปมากแล้ว แต่ ผบ.ตร.กลับไม่มีการเรียกสอบ ในทางกลับกันกับมีการรับเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีกับตน และเรียกค่าเสียหายถึง 100 ล้านบาท ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมรับลูกกันรวดเร็ว อีกทั้งศาลมีการนัดไต่สวนตนในวันที่ 1 พ.ค. นี้
รังสิมันต์ กล่าวอีกว่า แต่ตนก็ไม่กลัว และพร้อมจะเดินหน้าเปิดโปงอุปกิตต่อไป เพราะหากตนเองไม่ทำ ก็คงไม่มีใครกล้า ยอมรับว่า อาจจะกระทบความปลอดภัยสูง เพราะการเปิดโปงอุปกิตเกี่ยวโยงไปถึงบุคคลสำคัญในรัฐบาล โดยเฉพาะในกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ใช้ที่ดินที่เป็นทรัพย์สินของนายอุปกิตเป็นที่ทำการพรรคในปัจจุบัน ซึ่งในประเด็นนี้ แม้ตัวแทนของพรรครวมไทยสร้างชาติจะออกมาชี้แจงตอบโต้แต่ก็ยังไม่เคยเห็นหนังสือสัญญาเช่าใช้ที่ดิน ซึ่งเรื่องทั้งหมดหากสามารถเปิดโปงนายอุปกิตได่คนเดียว ก็จะทำให้ทุกอย่างกระจ่าง
“ถ้ากระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามความยุติธรรม ผมแทบจะไม่ต้องมาอภิปราย แต่มันมีพลังงานบางอย่างที่อยู่ด้านหลัง อย่างไรก็ตามเราปล่อยให้ประเทศเราเป็นแบบนี้ไม่ได้ แม้วันนี้ผมจะเป็นฝ่ายค้านเหลือเวลาอีกไม่นานในการปฎิบัติหน้าที่ แต่ถ้าหากเราไม่พูดอะไรเลยก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งได้อีกกี่เดือนก็ควรฝากผลงานให้ลูกหลานได้จดจำ วันนี้ตำรวจเจอความท้าทายหลายอย่างเราเจอข่าวฉาวของตำรวจในทุกๆวัน ถ้าหากท่านปล่อยให้คนที่มีความชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดโดยที่ไม่ทำอะไรเลย มันจะต่างอะไรกับการเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการค้ายาเสพติดเสียเอง” รังสิมันต์ ระบุ