นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ย้ำในการแถลงตัวเลขผู้ติดเชื้อประจำวันที่ 23 มี.ค. ว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ของวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา พุ่งขึ้นไปสูงถึง 188 ราย เป็นเพราะกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปรับการตรวจผลการติดโรคมาเหลือแค่ห้องปฏิบัติการเดียว จากเดิมที่ต้องใช้การยืนยันถึง 2 ห้องปฏิบัติการ รวมทั้งยังเป็นผลที่ค้างท่อมาหลายวัน 

ขณะที่นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัด สธ. อธิบายเพิ่มเติมถึงวิธีการตรวจหาเชื้อไวรัสว่า สามารถทำได้ 2 แบบ คือการตรวจจากตัวเชื้อไวรัสหรือแอนติเจน และการตรวจจากภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี

ระบบการตรวจที่ สธ. ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นการตรวจโดยตรงจากเชื้อไวรัส ซึ่งถือว่าเร็วกว่าการตรวจแบบภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม แม้จะสามารถตรวจหาผลได้เร็วกว่า แต่ก็ยังมีช่วงเวลารอผล หรือ window period ประมาณ 3 - 5 วัน ดังนั้น นพ.ศุภกิจ จึงย้ำว่า ผู้ที่มาตรวจแล้วยังไม่พบเชื้อก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเชื้อ และยังต้องกักตัวเองอยู่ดี

ขณะที่การตรวจอีกแบบหนึ่งที่อาศัยการระบุภูมิคุ้มกันในร่างกายหรือแอนติบอดี ต้องใช้เวลาในการรอผลถึง 10 วัน และหากผู้ป่วยเคยได้รับเชื้อแต่ไม่แสดงอาการหรือหายจากอาการนั้นไปแล้ว ผลก็ยังอาจออกมาเป็นบวกได้ ทั้งๆ ที่สถานะของผู้เข้าตรวจตอนนั้นหายดีแล้ว จึงต้องอาศัยการตีความที่ดี

นพ.ศุภกิจ ย้ำว่า ในช่วงเวลาที่ประชาชนมีความตื่นกลัวกับสถานการณ์ตอนนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่หลายฝ่ายจะใช้เวลานี้ในการแสวงหาเครื่องมือตรวจหาโรคด้วยตนเอง ซึ่งส่วนมากจะเป็นการตรวจจากแอนติบอดีที่ต้องใช้เวลานาน และยังต้องอาศัยการตีความและวินิจฉัยโรคจากผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเหตุนี้ สธ. จึงไม่แนะนำให้ตรวจโรคเอง 

สธ. ย้ำว่าให้ประชาชนดูแลอาการตัวเองตามสภาวะบ่งชี้ก็เพียงพอแล้ว และหากไม่ได้มีประวัติเสี่ยงเช่นการสัมผัสกับผู้ป่วยหรือเดินทางไปยังพื้นที่แพร่กระจายของโรค ก็ขอให้ไม่ต้องเข้ามาตรวจที่โรงพยาบาลเนื่องจากจะเป็นการเพิ่มภาระให้ทีมบุคลากรทางสาธารณสุข

ทั้งนี้ นพ.ทวีศิลป์ ย้ำว่า สำหรับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาจากกรุงเทพฯ ขอวิงวอนให้เข้ารับการขึ้นทะเบียนกับสาธารณสุขท้องถิ่นและทำการกักตัวเองเป็นระยะเวลา 14 วัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง;

• สธ.พบป่วยโควิด-19 ในไทยเพิ่ม 122 ราย สะสม 721 ราย
• หมอชิต 2 ผู้โดยสารแน่น-แรงงานเพื่อนบ้านหวั่นกลับไม่ทันด่านชายแดนปิด