นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึง กรณีมีคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการซื้อยาฟาวิพิราเวียร์จากจีน แทนที่จะรับการช่วยเหลือจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาเอวีแกน ที่สนับสนุนฟรี กว่า 30 ประเทศเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทั้งๆ ที่ ยา 2 ตัวนี้เป็นยาตัวเดียวกัน แค่ชื่อทางการค้าต่างกันเท่านั้น ว่า ใช่ ยา 2 ตัวนี้คือยาตัวเดียวกันที่มีชื่อสามัญว่าฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งประเทศจีนได้ สิทธิบัตรจากญี่ปุ่นไปผลิตต่อส่วนการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทยนั้น ล็อตแรกไทยก็ได้รับการสนับสนุนจากจีนแบบให้เปล่าเช่นกัน
อย่างไรตาม เพื่อสำรองให้อุ่นใจว่าเราจะมียาเพียงพอต่อการใช้รักษาผู้ป่วยในประเทศ กรมควบคุมโรคสั่งซื้อ 40,000 เม็ด องค์การเภสัชกรรมสั่งซื้ออีก 40,000 เม็ดจากประเทศญี่ปุ่น อีก 100,000 เม็ดจากจีน และที่กำลังจะมาถึงไทยเร็วๆ นี้ คือล็อตที่องค์การเภสัชฯ สั่งซื้อจากจีน 100,000 เม็ด และ ญี่ปุ่น 100,000 เม็ด ทั้งหมดเป็นการดำเนินการเพื่อให้มีเครื่องมือรักษาชีวิตประชาชน และยาที่ได้มาได้ใช้รักษาผู้ป่วยไปแล้วจำนวนมาก กทม.กว่า 200 ราย ต่างจังหวัดกว่า 100 ราย
ทั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจุบัน ทั่วโลกมีความต้องการใช้จำนวนมาก ดังนั้นการซื้อ หรือได้รับบริจาคต้องออกแรงเจรจากว่าจะได้มา ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเจรจากับทั้งทูตจีนและญี่ปุ่นตลอด ส่วนข่าวที่ญี่ปุ่นจะให้ฟรีเพิ่งมีมาทีหลังและยังไม่มีความชัดเจน ไม่มีความแน่นอนว่าจะได้เท่าไร เมื่อไร เพียงพอ และทันเวลาหรือไม่
รบ.ไทย สั่งซื้อยาฟาวิพิราเวียร์จากญี่ปุ่นและจีน แล้วกว่า 2.87 แสนเม็ด
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยมอบให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหายาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ซึ่งเป็นยาสำคัญสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด -19 มีแหล่งผลิตอยู่ 2 แหล่งหลัก คือญี่ปุ่นเจ้าของลิขสิทธิ์และจีนซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่น รวมได้รับยามาแล้ว 87,000 เม็ด โดย เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2563 กรมควบคุมโรคได้นำเข้ายาจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 5,000 เม็ด เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 รัฐบาลจีนได้บริจาคให้รัฐบาลไทยจำนวน 2,000 เม็ด เมื่อ 12 มีนาคม 2563 กรมควบคุมโรคนำเข้ายาจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 40,000 เม็ด ส่งมอบให้สถาบันบำราศนราดูร ,กรมการแพทย์ ,โรงพยาบาลใน 12 เขตสุขภาพแล้ว และเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563 องค์การเภสัชกรรมได้จัดซื้อจากญี่ปุ่น 40,000 เม็ด ส่งให้โรงพยาบาลราชวิถี 18,000 เม็ด เพื่อกระจายให้กับโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และ 12เขตสุขภาพ จำนวน 18,000 เม็ด เพื่อจัดสรรให้กับโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เหลือไว้สำรองสำหรับจัดสรรกรณีจำเป็นเร่งด่วนอีกจำนวน 4,000 เม็ด
ปัจจุบันได้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ กับผู้ป่วยแล้ว จำนวน 515 ราย ใช้ไปแล้ว 48,875 เม็ดเหลืออยู่ 38,126 เม็ด สามารถมีใช้ได้อย่างต่อเนื่องอีกถึง 4-5 เดือน ล่าสุดเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2563 องค์การเภสัชกรรม ได้สั่งซื้อจากจีนและญี่ปุ่นเพิ่ม 200,000 เม็ด โดยจะมีการจัดส่งยาภายในเดือนเมษายนนี้ รวมแล้ว 287,000 เม็ด และจะมีการสั่งซื้อเพื่อสำรองเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
“การจัดหายาต้านไวรัสในครั้งนี้ มีความยากลำบากเนื่องจากเป็นที่ต้องการของทุกประเทศ ต้องใช้การดำเนินการทุกวิถีทาง ทั้งการเจรจาผ่านสถานฑูตญี่ปุ่นและจีน ทั้งในแง่ของการซื้อและบริจาคมาโดยตลอด เพื่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยเราไม่รอเด็ดขาด ส่วนกรณีข่าวญี่ปุ่นจะบริจาคยาให้ 30 ประเทศนั้น ในเบื้องต้นทราบว่าญี่ปุ่นจะบริจาคสำหรับโครงการวิจัยเท่านั้น ซึ่งทั้งนี้หากประเทศใดต้องการบริจาคยาประเทศไทยยินดีรับการสนับสนุน เพื่อให้มียาช่วยรักษาชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างเร่งด่วน” นายแพทย์วิฑูรย์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :