ไม่พบผลการค้นหา
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยืนยันการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 ยึดหลักความปลอดภัย คุณภาพมาตรฐาน มีประสิทธิผล การขึ้นทะเบียนไม่ล่าช้า อำนวยความสะดวกเต็มที่ เอกสารต้องครบถ้วน เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชน

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้สัมภาษณ์ว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 อย่างเต็มที่ ได้ระดมสรรพกำลังทั้งผู้เชี่ยวชาญภายในและภายนอกมาร่วมพิจารณา เพื่อให้สามารถอนุมัติวัคซีนได้โดยเร็วที่สุด ยึดหลักว่าต้องเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพมาตรฐาน และมีประสิทธิผล ไม่สามารถผ่อนคลายกฎเกณฑ์หรือลดหย่อนการกำกับดูแล เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชน 

สำหรับวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า อย. ได้รับเอกสารการขอขึ้นทะเบียน ในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 และได้จัดส่งเอกสารให้ผู้เชี่ยวชาญประเมิน ทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผลของวัคซีน จนมีการอนุมัติให้ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 ของแอสตร้าเซนเนก้า เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 รวมเวลาการพิจารณาประมาณ 1 เดือน ซึ่งวัคซีนที่ อย. รับขึ้นทะเบียนเป็นวัคซีนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินที่จะต้องมีระบบการกำกับติดตาม เฝ้าระวังความปลอดภัยจากการใช้อย่างต่อเนื่อง 

น.พ.สุรโชค กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้มายื่นขออนุมัติวัคซีนโควิด 19 จาก อย. จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด โดยมีองค์การเภสัชกรรมเป็นผู้มายื่นขอ ซึ่ง อย. รอเอกสารเพิ่มเติมให้ครบถ้วน ยืนยันว่าไม่ปิดกั้นบริษัทใดมายื่นขออนุญาตและพร้อมให้คำปรึกษาหรือตอบข้อสงสัย เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตอย่างเต็มที่ 

ด้าน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ด้านการจัดซื้อวัคซีนโควิด 19 จำนวน 2 ล้านโดส จากบริษัทซิโนแวค ประเทศจีน (Sinovac Biotech Limited, People’s Republic of China) ซึ่งองค์การฯ ดำเนินการตามที่ได้มอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้ได้แจ้งยื่นขออนุญาตขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไปแล้ว อยู่ระหว่างการประสานรวบรวมข้อมูลประกอบการยื่นขอขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม โดยการดำเนินการนี้องค์การฯ จะทำหน้าที่จัดซื้อตามจำนวนที่กรมควบคุมโรคแจ้งความต้องการมา เพื่อนำไปฉีดตามแผนการจัดสรรของประเทศ 

“การจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด 19 นี้ ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและแข่งกับเวลา ภายใต้สถานการณ์ มีความต้องการใช้ทั่วโลก อีกทั้งวัคซีนที่มีอยู่เพิ่งเสร็จจากงานวิจัยเข้าสู่กระบวนการผลิตของแต่ละบริษัท และทั่วโลกมีความต้องการใช้สูง ทราบมาว่าขณะนี้ มีบริษัทเอกชนรายอื่นที่ได้ขอขึ้นทะเบียนวัคซีนจากผู้ผลิตประเทศจีนเช่นเดียวกัน” นพ.วิฑูรย์ กล่าว