ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก กรณีคำสั่งย้าย น.ส.อ้อมอารีย์ แข็งฤทธิ์ ครูอนุบาลโรงเรียนวัดวงเดือน ต.สามง่ามท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ไปปฏิบัติราชการช่วยปฏิบัติงานที่ สพป.ชัยนาท แต่สุดท้ายก็มีคำสั่งให้ ครูอ้อม กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียน จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ดร.มานะ ระบุว่า ความอ่อนแอของ ป.ป.ช. จากกรณี “ครูอ้อมถูกข่มขู่และสั่งย้าย”
"การข่มขู่และสั่งย้ายครูอ้อมอารีย์ แข็งฤทธิ์ จากการที่เธอ กล้าออกมาเปิดโปงพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ได้ตอกย้ำความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันของไทย เพราะหลายปีที่ผ่านมา ข่าวครูให้เด็กกินนมโรงเรียนบูด เลี้ยงอาหารกลางวันด้วยขนมจีนคลุกน้ำปลา ไข่พะโล้บูด ต้มฟักวิญญาณไก่ ล้วนเป็นเรื่องน่ารังเกียจที่คนไทยต้องทนฟังซ้ำซาก
พฤติกรรมชั่วร้ายทำนองนี้กำลังเกิดขึ้นทั่วไป เพียงแต่ส่วนใหญ่ผู้พบเห็นไม่กล้าพูดเพราะกลัวอิทธิพลและการคุกคาม ดังที่ครูอ้อมโดนกระทำอยู่
อันที่จริง การปกป้องคนที่อาสาทำดีเพื่อสังคมนั้นทำได้ หาก ป.ป.ช. ใช้อำนาจตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. มาตรา 131,132,133 มาคุ้มครองคนดีอย่างจริงจัง เพื่อให้ทุกคนมั่นใจ และกล้าพูดกล้า เปิดเผยกลโกงที่พบเห็น (Whistle blower protection) โดยเริ่มจากกรณีครูอ้อมในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้แจ้งเบาะแส และให้ข้อมูลแก่ ป.ป.ช.
อย่ารอให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาฯ ในการแก้ไขปัญหาภายใน เพราะจะสายเกินไป
อย่ารอให้พลังสังคมต้องออกมาเรียกร้องกดดัน แต่ ป.ป.ช. ต้องลงมือทำตามหน้าที่ให้สมกับที่ประชาชนฝากความหวังไว้ทันที
ทั้งนี้ น.ส.อ้อมอารีย์ เคยออกมาเปิดเผยและร้องเรียนเรื่องอาหารกลางวันเด็กไม่ได้คุณภาพ จนนำไปสู่การตรวจสอบในวงกว้าง ขณะที่ตัวเธอเองต้องเผชิญหน้ากับการถูกข่มขู่จากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ยังได้เรียกร้องให้ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เข้ามาดูแลการสอบสวนเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม กรณีคุณครูอ้อมอารีย์ ได้เปิดเผยความไม่ชอบมาพากลในการจัดทำอาหารกลางวันเด็กนักเรียน โรงเรียนวัดวงเดือน
ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน