ไม่พบผลการค้นหา
'นายกฯ' พบ แรงงานรับ 8 ข้อเสนอแก้ปัญหา ยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง ลั่นเรื่องไหนง่าย-มีงบ-ไม่กระทบเรื่องอื่น ไม่เกี่ยง แจงปมขึ้นค่าแรงต้องดูเงินเฟ้อด้วย

วันที่ 1 พ.ค. 2565 ที่กระทรวงแรงงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ พ.ศ. 2565 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวสุนทรพจน์ว่า เป็นโอกาสที่เราได้พบกันอีกครั้ง นับจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งวันแรงงานเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะแสดงความขอบคุณและตระหนักถึงบทบาทของผู้ใช้แรงงานทุกคน ตนไม่เคยทอดทิ้งและเอาใจใส่อยู่เสมอ

ในฐานะที่เป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นโอกาสดีที่จะกระตุ้นเตือนให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงสิทธิความเสมอภาค สวัสดิการ และความปลอดภัยในอาชีพ และได้รับความต้องการที่แท้จริง นำไปพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีความสุข มั่นคง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมีความมุ่งมั่นจะผลักดันให้กระทรวงแรงงานพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเต็มรูปแบบ ในเวทีการค้าโลก ดังนั้นการพัฒนาแรงงานเพื่อให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีชีวิตที่ดีและความสุขอย่างยั่งยืน เป็นเป้าหมายสำคัญที่จะต้องดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งเรามีอาชีพหลากหลาย เราต้องดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง ซึ่งกลุ่มแรงงานกลุ่มนี้เป็นกำลังหลักทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ถือเป็นอาชีพที่มีความสำเร็จ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วง และกังวลคือชีวิตความเป็นอยู่ และรายได้ของกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีสถานการณ์โควิด-19 เราพยายามเดินหน้าสิ่งต่างๆมาโดยตลอด ทั้งการพัฒนาฝีมือแรงงานและการดูแลต่างๆ แต่พอมีโควิด-19 เข้ามาก็มีปัญหา แต่ก็มีการดูแล เยียวยาทั้งกลุ่มแรงงานและเจ้าของสถานประกอบการ นั่นคือภาระหลักของเรา จะให้ใครแบกภาระไว้ข้างเดียวมันไม่ไหว และขณะนี้ก็เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งในโลกของเรา

จึงเกิดผลกระทบในห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดของทั้งโลก เราก็เป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่ของเขา เพราะเรามีโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยวัตถุดิบต่างๆจากหลากหลายประเทศ และเมื่อมีสถานการณ์ที่ที่พลิกพัน เราต้องเตรียมมาตรการอื่นไว้รองรับด้วย และอีกประกาศหนึ่งคือ วันนี้เราหน้าเป็นห่วงเรื่องขาดแคนแรงงานฝีมือ เนื่องจากเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพราะเราแข็งแรงมีอายุยืนยาว รวมถึงคนที่มีครอบคัวก็มีบุตรน้อยลง คือสิ่งที่รัฐบาลต้องนำไปเป็นยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศไปด้วย 

ในเรื่องโรคอุบัติใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรามีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด การเปลี่ยนแปลงทางสังคมการเมืองและสิ่งแวดล้อม ทำให้การดำเนินชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือเราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างไร โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ที่อาจจะไม่เหมือนกับต่างจังหวัดที่สามารถหาซื้อของกินของใช้ในพื้นที่ ซึ่งราคาไม่แพงมากนัก แต่เมื่อมาอยู่ในกรุงเทพฯ ทำอย่างนั้นไม่ได้ ฉะนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกลุ่มใช้แรงงาน จึงทำให้เกิดเป็นปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งเราก็ระมัดระวัง เพราะหากมันมากเกินไป จะมีผลกับงบประมาณการเงินการคลังของเรา 

"รัฐบาลไม่เคยทิ้งพวกเรา โดยเฉพาะผม มีการหารือกันเสมอว่าเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรประเทศของเราจะมีรายได้ในอนาคต ทำอย่างไรจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่มากขึ้น และทำอย่างไรคนไทยของเราที่เป็นแรงงานจะมีงานทำในลักษณะหัวหน้างาน เราจึงเร่งพัฒนาฝีมือแรงงาน การเพิ่มศักยภาพของพวกเรา เพราะวันหน้าโลกอาจจะเปลี่ยนไปการใช้เครื่องจักรเครื่องมือและใช้หุ่นยนต์มากขึ้น ฉะนั้นเราต้องพัฒนาตัวเองเพื่อสามารถทำงานกับเครื่องจักรได้ในอนาคต และสามารถเป็นหัวหน้างานคุมงานได้ " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


รัฐบาลไม่สามารถเดินคนเดียวได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในกรณีที่มีการตั้งโรงงานในประเทศไทย มีกติกาว่าเขาจะต้องจ้างแรงงานไทย ในจำนวนพอสมควร ซึ่งวันนี้มีการลงทุนผ่าน BOI และ EEC จำนวนมาก ตนให้แนวทางไปว่าจะต้องทำอย่างไรให้เกิดธุรกิจใหม่ๆขึ้นมา ให้มีรายได้สูงขึ้น เพราะวันนี้สินค้าส่งออกเรายังเป็นนวัตกรรมเดิมๆ ตนได้เร่งรัดให้เดินหน้าไปสู่สังคมการใช้เทคโนโลยี ใช้นวัตกรรมในการผลิตและส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ วันนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้า แม้จะมีภาวะสงครามเกิดขึ้นก็ตาม ตนเชื่อในคำพูดว่าเราจะอยู่ด้วยความรัก ความสามัคคี ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะรัฐบาลไม่สามารถเดินคนเดียวได้และท่านก็เดินไปคนเดียวไม่ได้ ประเทศชาติเป็นสิ่งที่รักยิ่งของทุกคน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นแกนเป็นหลักสำคัญของประเทศนี้ บ้านนี้ เมืองนี้มาโดยตลอดเป็นศูนย์รวมความรักความสามัคคีของพวกเรา 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณผู้จัดงานและทุกกลุ่ม วันนี้ต้องหารือว่าจะทำอย่างไรให้ยกระดับแรงงานมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการผลิตในภาคอุตสาหกรรม จึงต้องพัฒนาตัวเองหากต้องการรายได้เพิ่มขึ้น เพราะนักลงทุนจากต่างประเทศที่มาลงทุนต้องการแรงงานที่มีฝีมือ และยังต้องเตรียมพร้อมที่จะมีการย้ายฐานผลิต หากมีความวุ่นวายอื่นขึ้นมาจะทำให้เขาย้ายฐานทันที ดังนั้นเราต้องมีความรัก ความสามัคคี พัฒนาตัวเองและพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลแก้ปัญหา เพื่อหารายได้เข้าประเทศให้มากกว่าเดิม และส่งเสริมการลงทุนที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม 

ทั้งนี้ตนจะรับข้อเสนอทั้ง 8 ข้อ เพื่อนำไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรม และยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งยกระดับป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ เพื่อปลดล็อกสถานการณ์การค้ามนุษย์ระดับเทียร์ 2 ที่ถูกจับตามอง ขณะที่แรงงานต่างด้าวต้องดูแลให้เป็นระบบ เพราะต้องใช้ทั้งแรงงานไทยและต่างด้าวพัฒนาระบบทั้งประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาขาดแรงงานและเร่งคุ้มครองสวัสดิการแรงงาน เช่น ปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคมให้สอดคล้องกับบริบทในปัจจุบัน

เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนมีกฎหมายดูแลอยู่ หลายเรื่องอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา หลายเรื่องอยู่ในการพิจารณาของ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อส่งสภาฯ ออกเป็นกฎหมายต่อไป และทุกครั้งในที่ประชุมครม.จะพูดถึงประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย และให้ความสำคัญกับทุกกระทรวง ในการสนับสนุนงบประมาณที่มีอย่างจำกัด ทั้งนี้ที่ผ่านมา 2 ปีมีปัญหาทั้งโควิด-19 และสถานการณ์สงคราม รัฐบาลยินดีทุกอย่างถ้าสามารถทำอะไรให้กับแรงงานและจะร่วมมือกันทำงานให้ดีที่สุด 

“ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทอดทิ้ง และไม่เคยคิดอย่างนั้น การเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีคือการป็นตัวแทนประชาชนเข้ามาทำงานแก้ปัญหา อะไรทำได้จะทำเต็มที่” นายกฯ กล่าว 

ภายหลังเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการของกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาที่ผ่านมาไม่ได้เกิดจากในประเทศของเราเอง แต่มาจากปัจจัยภายนอกที่เราต้องแก้ไปทีละขั้นตอน ถ้าแก้อันหนึ่งผิดก็จะพังไปทุกๆ อย่าง ตนทราบความต้องการของผู้ใช้แรงงานแต่ต้องมาหารือร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้เข้าประเทศ สิ่งไหนทำได้รัฐบาลจะทำให้ แต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอน 

นายกฯ กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่มีโควิด-19 รัฐบาลใช้งบประมาณดูแลเฉพาะเรื่องนี้ไปถึง 1 ล้านล้านบาท ทั้งการฟื้นฟูและเยียวยา ก็เสียดาย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เราต้องดูแลเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาล ช้าบ้าง เร็วบ้าง ดูแลเต็มที่ เรื่องที่บกพร่องได้สั่งย้ำให้เร่งแก้อยู่ตลอด วันนี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้หารายได้มาทดแทนเงินก้อนใหญ่ที่ใช้ไป พอโควิด -19 เริ่มดีการท่องเที่ยวจะเข้ามา ก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้น 

“ขอย้ำว่าเราต้องพูดคุยและอยู่กันอย่างสันติวิธี ถ้าเรื่องไหนง่าย มีงบ และไม่กระทบกับเรื่องอื่น นายกฯไม่เคยปฏิเสธ เราจะไม่สร้างเสียหายให้กับใคร รวมถึงรัฐบาลหน้า ก็ไม่อยากเอาปัญหาไปให้เขา วันนี้จะทำให้เต็มที่ จะได้แค่ไหนอยู่ที่ร่วมมือกัน ตนต้องการแค่กำลังใจเท่านั้นเพื่อสู้กับปัญหาต่างๆ”

เมื่อถามถึงข้อเสนอเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังหารือกันอยู่ว่าถ้าจะขึ้น จะขึ้นได้เท่าไหร่ ต้องดูเรื่องอัตราเงินเฟ้อด้วย และถ้าจะไม่ขึ้นเป็นเพราะอะไร สิ่งสำคัญวันนี้คือการย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น เพราะนักลงทุนจะดูว่าจะไปประเทศไหน และอาจจะมองว่าที่อื่นลงทุนได้ง่ายกว่า สะดวกกว่าหรือไม่ ถูกกว่าหรือไม่ เขาก็ไปหมด ข้อเสนอเรื่องนี้เป็นของคนที่เดินอยู่ข้างนอก แต่เราต้องเอามาดู มีอะไรก็มาคุย