นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีการแจ้งความดำเนินคดีกันไปมาระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านกับ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 และ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จากการเปิดเวทีสัมมนารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า สาระสำคัญ 7 ประการ ที่ต้องขอยืนยัน และทำความเข้าใจในเจตนารมณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรค อีกครั้ง คือ
1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่สามารถดำเนินการได้ แม้แต่รัฐบาลก็ยังได้บรรจุในนโยบายเร่งด่วนข้อ 12 ของนโยบายรัฐบาล การที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านมีนโยบายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด
2. พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะแก้ไขรัฐธรรมนูญตามวิถีทางที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ไม่แก้โดยวิธีการอื่นที่กฎหมายไม่รองรับ ไม่แก้ด้วยวิธีการที่ผิดกฎหมาย
3. ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่แตะหมวด 1 และ หมวด 2 ผู้ไม่ประสงค์ดี หรือมีเจตนาบิดเบือน ควรยุติการกระทำที่ทำให้เกิดความขัดแย้งได้แล้ว
4. แนวทางที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอกับสังคม คือ การมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากประชาชน จะเป็นผู้มากำหนดเนื้อหาในการแก้ เพื่อให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง
5. ชนชั้นใดร่างรัฐธรรมนูญ ก็เพื่อชนชั้นนั้น การให้ประชาชน มาเป็นกำลังหลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงจะได้รัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน อย่างแท้จริง
6. พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นทางออกของประเทศ กระบวนการรับฟัง สะท้อนปัญหา สร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการ
7. พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่เคยเสนอให้ทั้งประเทศ หยุดทุกอย่าง แล้วมาแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว ทุกๆปัญหาสามารถแก้ไขควบคู่ไปได้กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"รัฐบาลตั้งศูนย์ปราบปรามข่าวปลอม Anti-Fake News ใหญ่โต เปลืองงบประมาณ แต่หลายกรณี รัฐบาลกลับตกเป็นผู้ต้องสงสัยเสียเองว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตและปล่อยข่าวปลอม บิดเบือนเจตนารมณ์อันดีของพรรคร่วมฝ่ายค้านและภาคประชาสังคมเสียเอง หรือไม่" นายอนุสรณ์ กล่าว