วันที่ 9 ส.ค. ที่รัฐสภา ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยก่อนการแถลงข่าว เพื่อจับมือกับ 6 พรรคร่วม เพื่อเติมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาล และกรณีที่ อมรัตน์ โชติประมิตกุล ทำรายการบริหารพรรคก้าวไกล ได้ออกมาเปิดเผยว่าพรรคเพื่อไทยได้นัดพรรคก้าวไกลเพื่อหารือในการโหวตนายกรัฐมนตรี ว่า ต้นขอเสนอการจัดตั้งรัฐบาลพิเศษไม่มีการเปลี่ยนขั้ว แต่จะเป็นการสลายขั้วทั้งหมด เพราะเป็นโอกาสที่จะทำให้ความขัดแย้งต่างๆ คลี่คลายและสลายไป
ส่วนกรณีพรรคก้าวไกล ได้แจ้งเจตจำนงไป รวมถึงเหตุผลของพรรคเพื่อไทย ไปให้กับคณะเจรจาและผู้มีอำนาจของพรรคก้าวไกลแล้ว ซึ่งยังรอคำตอบว่าจะเป็นในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ แต่เราขอเดียว ว่าไม่แตะต้อง ม.112 และสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยย้ำว่า การขอเสียงจากทุกพรรค เป็นการดำเนินการของพรรคเพื่อไทยที่ทำอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีการคุยหรือต่อรองเรื่องตำแหน่ง และ เก้าอี้รัฐมนตรี โดยพรรคเพื่อไทยยังหวังว่าพรรคก้าวไกลจะให้โอกาสได้มานั่งพูดคุยกันอะไรที่ติดค้างหรือคาใจกันก็พร้อมยินดีที่จะไปขอโทษและขอขมา
ส่วนจะมี 'พรรค 2 ลุง' มาร่วมรัฐบาลอยู่ด้วยหรือไม่นั้น ภูมิธรรม ตอบว่า วันนี้เราพูดคุยกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ว่าจะได้ว่าจะมีการสลายขั้ว และไม่มีลุง อะไรก็ได้ที่ร่วมมือกันแล้วประเทศจะเดินไปข้างหน้าสามารถตั้งรัฐบาลและแก้ปัญหาประเทศได้ และเท่าที่คุยกับทุกพรรคในวันนี้ ก็ไม่มีใครบอกว่าจะไม่ร่วมมือ ซึ่งการยอมรับอาจจะมีหลายระดับ แต่สิ่งสำคัญคือต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ นโยบายของใครที่ไปต่อไม่ได้ ก็ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน และการที่ไปขอเสียงจากก้าวไกล ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเสียงของ สว. ไม่เพียงพอ แต่เราได้เรียกร้องไปกับทุกฝ่ายทั้ง สส. และ สว. และเราอยากจะให้การร่วมมือกันครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีมาเกือบ 20 ปี พรรคเพื่อไทยจึงขออาสา เป็นคนที่ประชาชนต้องตรวจสอบ โดยวันนี้ในการแถลงข่าว ก็ยังมี พรรคชาติพัฒนากล้า มาร่วมอีก 1 พรรค ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนากล้า และ พรรคเพื่อไทยรวมพลัง ยังอยู่ระหว่างการนัดหมาย
ส่วนการพูดคุยเพื่อจะมารวมเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยนั้น ภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยหรือจัดสรรแบ่งกระทรวงกัน เมื่อได้นายกรัฐมนตรี การร่วมการกัน และ เอาวาระประชาชนมาพูดคุยกันเป็นสิ่งสำคัญกว่า ใครที่มีนโยบายที่มาทำประโยชน์เพื่อประชาชน ก็มาร่วมกัน มากหรือน้อยไม่เป็นไร
"มากหน่อย กระทรวงทบวงกรม ก็แบ่งกันได้น้อยหน่อย น้อยหน่อย ก็ได้กระทรวงทบวงกรมาก แต่อยู่ที่ว่าอะไรที่ตกลงกันวันนี้ไม่ใช่การตกลงอย่างเดียว ตั้งรัฐบาลเสร็จต้องทำงานประสานงานกันได้"
ส่วนที่จะบอกว่าไม่มีใครยกมือให้ถ้าไม่ได้ผลตอบแทนนั้น ก็อย่าไปยึดโยงกับบริบทเดิมๆ วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ความคิดเราก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย เพราะถ้าคิดแบบเดิมก็จะทำแบบที่พรรคเพื่อไทยซึ่งกำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่ไม่ได้ จึงต้องเปลี่ยนบริบทใหม่เพื่อ ไปสู่การทำงาน ที่เอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง สลายขั้วสลายความขัดแย้ง
ส่วนจะมียังโอกาสที่พรรคก้าวไกลกลับมาร่วมรัฐบาลกันอีกครั้งได้หรือไม่ ภูมิธรรม ตอบว่า มาถามตนเองไม่ได้ ต้องถามว่าปรากฏการณ์ที่พูดมาทั้งหมด มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถึงเวลานั้นค่อยตัดสินใจร่วมกัน