หลังจากที่วันนี้ (10 ส.ค) พรรคเพื่อไทย ได้แถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับ พรรคชาติไทยพัฒนา โดยมีผู้ร่วมแถลง อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย , ภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย , ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย , วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา , ประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา , นิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา
ช่วงตอบคำถามสื่อมวลชน เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกล จะเป็นปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ คำถามนี้ วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า การที่แต่ละพรรคแสดงเจตจำนง ก็เป็นหน้าที่ของทุกพรรคในการหาคะแนนเสียงในการโหวตนายกฯ ซึ่งก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค และวันนี้พรรคชาติไทยพัฒนา ตอบรับแล้วก็ต้องช่วยกันหาคะแนนเสียง และมองว่าไม่น่าเกิดปัญหา
ส่วน สว.บางส่วน มีความกังวล ว่าการที่พรรคเพื่อไทย ไปขอเสียงสนับสนุนจากพรรคก้าวไกล จะเป็นการดึงพรรคก้าวไกล เข้าร่วมรัฐบาลช่วงหลัง นั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล พยายามจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ผลการทำหน้าที่ในนาม 8 พรรคร่วม รวม 312 เสียง ไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่ได้รับการสนับสนุน และพรรคเพื่อไทย ได้รับการส่งไม้ต่อ ซึ่งก็พยายามถึงที่สุดเพื่อขอคะแนน เพราะใน 312 เสียง เป็นไปไม่ได้ หากจะเดินทางเดิม ก็จะได้เพียง 324 เสียง
นพ.ชลน่าน บอกว่า การไปสอบถามรายบุคคล สส. สว. และพรรคการเมือง ที่ทำอย่างเปิดเผย เพื่อต้องการคำตอบที่เปิดเผยว่า ทำไม สส. สว.ถึงไม่ลงคะแนนให้ตอน ที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ซึ่งคำตอบชัดเจน ติดการแก้ไข ม.112 จำนวน 4 พรรค ซึ่งเขาก็ตอบชัดว่าลงคะแนนให้ไม่ได้ มีเพียงพรรคเดียวเท่านั้น ที่บอกว่า หากมีการปลดล็อกเงื่อนไข เขาก็สามารถร่วมได้
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย มีความจำเป็นในการหาเสียง หาคะแนน ภายใต้เงื่อนไข หากมีก้าวไกลอยู่ จะไม่ได้คะแนน เพื่อไทยจำยอมที่ต้องทำ ย้ำว่าไม่เคยเกลียดพรรคก้าวไกล ไม่เคยปฏิเสธเสียงประชาชน หากพรรคเพื่อไทย ไม่ทำอะไรเลยก็เหมือนการปฏิเสธเสียงพี่น้องประชาชน
นพ.ชลน่าน ยังพูดถึง เรื่อง สว.เราหาเสียงกับพรรคอื่นๆ ที่ประกาศไปแล้ว การที่เราคุยกับทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือใคร เพื่อขอเสียงมาโหวตนายกฯ ไม่ใช่จัดตั้งรัฐบาล เพราะตอนนี้ต้องยอมรับว่า เราติดล็อกรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นการเดินทางไปคุยกับทุกพรรค เช่น ก้าวไกล เป็นการไปสอบถามว่าเราจะปลดล็อกเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้เชิญชวนพรรคก้าวไกล มาเป็นพรรคร่วม ไม่มีพันธะสัญญาจะเอาพรรคก้าวไกลมาเป็นพรรคร่วมหลังจากนี้ เชื่อจะตอบคำถาม สว.ได้ และน่าจะได้รับการยอมรับ
ประเด็นนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า การไปเมื่อวานไม่ใช่สิ่งผิดปกติ เพราะเราไปทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกคน ดังนั้นคือการปฏิบัติที่เป็นจริง ที่สะท้อนว่าเราจะสลายขั้วการขัดแย้ง ยืนยันไม่ใช่เชิญพรรคก้าวไกล ร่วมรัฐบาล เพราะเราชัดเจนตั้งแต่ แยก MOU ว่า พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเมื่อวานเป็นการไปพูดคุย เพื่อสร้างมิติการเมืองใหม่ ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ย้ำว่าพูดกับก้าวไกลไปแล้ว อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเราช่วยกัน เว้น ม.112
ฉะนั้นจากจุดยืนนี้ ไม่เชื่อว่าการขอเสียง สส. สว.จะมีปัญหา และอีกประเด็นคือการพูดคุยคือการทำการเมืองมิติใหม่ ไม่ใช่การแบ่งแยก ขอให้ไว้ใจพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยเราจะเป็นแกนนำในการประสานงาน จะเห็นว่าทุกพรรคที่เราเชิญมา เขาไว้ใจพรรคเพื่อไทย แก้วิกฤติประเทศ
เมื่อถามว่า ในการเชิญ พรรคประชาธิปัตย์ รวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ ทำไมไม่เชิญมาร่วมด้วย คำถามนี้ ภูมิธรรม ย้ำว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้เชิญมาร่วมรัฐบาล เราเชิญมาโหวตนายกฯ และก็ได้ไปพบทุกพรรค ทุกกลุ่ม คุยแล้ว แต่ขอให้เป็นไปตามกระบวนการตามกรอบเวลา
หากพรรคก้าวไกล ไม่โหวตนายกฯ ให้จะทำอย่างไร ภูมิธรรม บอกว่า เราได้คุยไปเมื่อวานนี้ ให้แต่ละฝ่ายไปคุย ไปไตร่ตรองและคิด เพราะยังเหลือเวลาโหวตฯ วันนี้เราทำคู่ขนานสื่งที่เราวาง ไว้ พรรคไหนพร้อมเราเรียกเปิดได้ ไม่ได้คาดคั้น ให้แสดงเจตจำนง หากไม่พร้อม ก็พิสูจน์วันโหวตนายกฯ
โดย ภูมิธรรม ย้ำว่า คุยกับพรรคดังกล่าว ก็คุยเกี่ยวกับสถานการณ์ การโหวตนายกฯ ก็คุยหมดแล้ว และอยู่ในกระบวน ยังรอได้ถึงวันที่ประธานสภา กำหนดวันเลือกโหวตนายกฯ ซึ่งวันนั้น จะเป็นวันจริง
เช่นเดียวกับ นพ.ชลน่าน ที่บอกว่า เราพยายามหาทางออกที่ดีที่สุด ของประชาชน เช่นไปเจรจาให้พรรคการเมือง และ สว.มาเลือกนายกให้เรา โดยไม่มีเงื่อนไขจัดตั้งรัฐบาล หากสำเร็จ สิ่งที่เราวางไว้ มันก็ตอบที่พี่น้องประชาชน หากไม่ได้ หน้าที่ของเพื่อไทย ต้องตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ ต้องมีทางเลือกอื่น
นพ.ชลน่าน ยอมรับอีกว่า พรรคเพื่อไทย ใช้ต้นทุนสูงมาก ในการทำงานครั้งนี้ สิ่งที่เราคาดหวัง คือได้แลนสไลด์ แต่เราทำไม่สำเร็จ แต่เราต้องยอมรับ เมื่อวถานการณืเป็นแบบนี้เราก็จะบริหารให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ จะมาร่วมรัฐบาลหลังการโหวตนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ตอบว่า การจัดตั้งรัฐบาลนั้นจะต้องมีเสียงข้างมาก เพื่อให้มีเสถียรภาพ จากที่ได้มีการคุยกับพรรคการเมืองทุกพรรค เราได้สร้างความมั่นใจมาโดยตลอดว่าเรามีเสียงข้างมากแล้ว ทุกพรรคถึงมาร่วมกับเราได้ เพราะหลายพรรคเสนอเงื่อนไขว่าหากเป็นเสียงข้างน้อยจะไม่ร่วมรัฐบาล โดยเราขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ได้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่จะเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาดถึง 300 หรือ 280 ก็อยู่ในขั้นตอนที่กำลังดำเนินการ
เราขอย้ำว่าพรรคเพื่อไทยมีทางเลือกไม่มาก และได้ทำทางเลือกเสนอทางเลือกที่ดีที่สุด บนพื้นฐานที่สามารถเป็นไปได้ โดยจะเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติ และหากตั้งรัฐบาลได้ ผลงานก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ ระหว่างพรรคเพื่อไทย และ พรรคร่วมรัฐบาล โดยมีความเชื่อมั่นว่า ประเทศจะต้องกลับมา จากการแบ่งขั้ว แบ่งสี การสร้างวาทกรรมจากบางเรื่องบางราว ถ้าเราควบคุมได้ ทุกอย่างจะเดินหน้าได้
ภูมิธรรม ระบุว่า จากจุดเริ่มต้นที่เพื่อไทยมี 141 เสียง ขณะนี้พรรคเพื่อไทยรวบรวมได้ 238 เสียง เรายืนยันมาโดยตลอดว่าเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ในเรื่องการรวมพรรคจะต้องมีความชัดเจน ซึ่งเรามีเวลาถึงวันที่ 17 สิงหาคม ขอยืนยันว่า ก่อนถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรี เราจะแสดงให้เห็นว่า สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีคนเดียวจบได้
ส่วนกรณีที่ พรรคเพื่อไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ากำลังแสดงละคร จนถูกวิจารณ์ว่า #เพื่อไทยการละคร นั้น นพ.ชลน่าน มองว่า เราเป็นองค์กรที่อาสามาทำงานการเมือง ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ทุกเสียงทุกคำวิพากษ์วิจารณ์เรารับฟัง ส่วนจะถูกใจหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับวิธีคิดของแต่ละคน เรายินดีที่จะรับมา พิจารณาหากเป็นประโยชน์ อันไหนที่ไม่เป็นประโยชน์ เราก็ได้แต่ฟังและผ่านไป ไม่สามารถไปปิดกั้นแสดงความคิดเห็นได้
ด้าน ภูมิธรรม มองว่า การจะให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่พรรคเพื่อไทยขอยืนยัน ว่าสิ่งที่ทำ เรามีความตั้งใจที่จะสลายความขัดแย้ง เราเพียงแค่ทำตามหน้าที่ให้นำไปสู่ความเป็นจริง แล้วความจริงใจที่จะต้องการแก้ไขปัญหาประเทศ ขอให้มองถึงความตั้งใจ จะเป็นบทสรุปในอนาคต แต่ถ้าการทำงานของเราและประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เราพร้อมที่จะรับผิดชอบอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ สส.พรรคก้าวไกล ทำโพล เพื่อจะให้โหวตหรือไม่โหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย หรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน มองว่า การสอบถามประชาชนถือว่าเป็นช่องทางที่ดี ซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชนก็ควรที่จะรับฟัง ในการประกอบการตัดสินใจ แต่การรับฟังเพียงแค่ ส่วนใดส่วนหนึ่งนั้น จะต้องคำนึงถึงพอสมควรว่า ยังมีประชาชนถึง 67 ล้านคน และในแต่ละพรรคการเมืองก็มีฐานเสียงของตัวเองอยู่ ซึ่งตนเชื่อว่ายังมีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นจำนวนมากเช่นกันที่พร้อมพิจารณาและต้องการให้ประเทศ เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งตนก็พร้อมจะรับฟัง
หากพรรคก้าวไกล มีข้อเสนออย่างไรที่มาจากประชาชนแล้วก็พร้อมจะรับฟัง ซึ่งถ้าหากพรรคก้าวไกลตอบว่าไม่สามารถที่จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้ ทางเลือกอื่นๆ ในการทำงานต่อไป ซึ่งเราไม่ได้ยึดติดหรือว่ามีพรรคก้าวไกลเป็นข้ออ้าง โดยอยากขอให้พูดในทำนองว่า พรรคเพื่อไทยไปเล่นละครเพื่อที่จะมาเป็นข้ออ้าง พรรคการเมืองอื่น
"เรายืนยันว่าสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำ เราทำจากบนพื้นฐานความเป็นจริง และบนพื้นฐานของข้อเสนอแนะ จากนักวิชาการ และคนที่มีประสบการณ์ทางการเมือง พรรคเพื่อไทยทำทุกช่องทาง ซึ่งถ้าหากกับการหากเราไม่ทำก็จะถูกตำหนิ ส่วนจะได้ผลหรือไม่นั้น ก็เอามาประกอบกันตัดสินใจในการเดินหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล"