ทั่วโลกอาลัย 'โจเอล โรบูชง' สุดยอดตำนานเชฟเจ้าของดาวมิชลินมากที่สุดในโลกด้วยสถิติดาวมิชลิน 32 ดวงในปี 2016 (ปัจจุบัน 31 ดวง) หลังเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งด้วยวัย 73 ปีที่กรุงเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์
สำนักข่าว AP รายงานว่าโฆษกของนายโจเอล โรบูชง เชฟชื่อดังชาวฝรั่งเศสเจ้าของดาวมิชลินมากที่สุดในโลก ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการผ่านทางสถานีโทรทัศน์ฝรั่งเศสช่องเบแอฟแอม (BFM) และทางหนังสือพิมพ์เลอฟิกาโร ระบุว่านายโรบูชงได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 73 ปีด้วยโรคมะเร็ง ที่กรุงเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์
นายโรบูชงมีชื่อเสียงโด่งดังโลดแล่นอยู่ในวงการอาหารมาอย่างยาวนาน เริ่มต้นทำงานเป็นเชฟฝึกหัดเมื่อมีอายุเพียง 15 ปี ก่อนจะไปเข้าร่วมสมาคมผู้ช่ำชองศาสตร์แห่งคหกรรมในฝรั่งเศสเมื่ออายุ 21 ปี โดยในปี 1976 เขาถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งในเชฟที่เก่งที่สุดในฝรั่งเศส และต่อมาในปี 1990 ก็ได้รับการขนานนามให้เป็นเชฟแห่งศตวรรษ ก่อนที่จะมาเป็นเชฟที่ถือครองดาวมิชลินมากที่สุดในโลกนานหลายปีจนนาทีสุดท้ายที่เขายังมีชีวิตอยู่
เขาได้รับการยกย่องอย่างมากในวงการอาหารชั้นสูงของประเทศฝรั่งเศสว่าเป็นเชฟที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านอาหารใหม่ ๆ อยู่เสมอพร้อมกับการนำเสนอลูกเล่นที่หลากหลายไม่รู้จบ จนนำไปสู่การสร้างอาณาจักรของร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิงแถวหน้าอยู่ตามเมืองใหญ่ ๆ ทั่วทุกมุมโลกรวมถึงที่ใจกลางกรุงเทพมหานครของไทยด้วย
เชฟโรบูชงเริ่มต้นการทำอาหารในแบบฉบับของเขาด้วยการทำร้านอาหารในรูปแบบ 'ลัตเตอลิเย' หรือที่แปลว่าการทำเวิร์กชอปในภาษาฝรั่งเศส โดยจะมีลักษณะที่ไม่ใหญ่โต และมีความใกล้ชิดกันระหว่างลูกค้าและพนักงานทุกคนไม่ว่าจะเป็นเชฟ ซอมเมอร์ลิเยร์ พนักงานเสิร์ฟ ลูกค้าด้วยกันเองที่นั่งติดกันบนเคาน์เตอร์ หรือโต๊ะอาหารล้อมรอบครัวเปิดซึ่งสามารถมองเห็นขั้นตอนการปรุงอาหารของเชฟได้ทั้งหมด แต่ยังคงมีความเป็นส่วนตัว อบอุ่น และไม่ติดอยู่กับกฎเกณฑ์ใด ๆ ในการรับประทานอาหาร
ความตั้งใจของเชฟโรบูชงในตอนนั้นก็คือการมอบประสบการณ์แบบเป็นกันเองให้กับลูกค้า สร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นทางการเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีโอกาสเริ่มต้นบทสนทนากัน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะตรงกันข้ามกับหลักการให้คะแนนของทีมมิชลินไกด์ ที่โดยปกติแล้วจะไม่ได้คำนึงถึงแค่เทคนิคการปรุงอาหารของเชฟเท่านั้น แต่จะให้ความสำคัญกับทั้งบรรยากาศและการบริการของแต่ละร้านด้วย ซึ่งการให้บริการแบบ 'ลัตเตอลิเย' ดูจะไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่
อย่างไรก็ตามมิชลินไกด์และนักชิมทั่วโลกก็ต่างให้การยอมรับในการให้บริการร้านอาหารแบบ 'ลัตเตอลิเย' จนทำให้ร้านอาหาร 'ลัตเตอลิเย เดอ โจเอล โรบูชง' ของเชฟโจเอล โรบูชงนั้นสามารถทุบสถิติครองแชมป์ดาวมิชลินสูงสุดถึง 32 ดวงในปี 2016 และปัจจุบันยังคงสามารถรักษาแชมป์ได้มากถึง 31 ดวงในปีนี้
ปัจจุบันร้าน 'ลัตเตอลิเย เดอ โจเอล โรบูชง' มีทั้งหมด 12 สาขาทั่วโลกรวมถึงที่กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ของอาคารคิวบ์ โครงการมหานคร เป็นการเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสแบบคลาสสิกร่วมสมัย ตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์ตาปาสบาร์ของสเปนกับซูชิบาร์ของญี่ปุ่น เพื่อให้แขกเห็นบรรยากาศการทำอาหารทุกขั้นตอนเสมือนนั่งชมละครเวที โดยมีทีมของเชฟโอลิวิเยร์ ลิมูแซง เป็นเชฟใหญ่ของร้าน ซึ่งเขาเริ่มต้นเข้าสู่วงการอาหารด้วยวัยเพียง 16 ปีเท่านั้น
นอกจากเมนูอาหารที่มีวัตถุดิบนำเข้าชั้นเลิศจากฝรั่งเศส รวมถึงวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากประเทศไทยแล้ว ยังมีไวน์ชั้นนำจากทั่วโลกให้เลือกอีกด้วยตั้งแต่ราคาขวดละ 1,200 ถึง 680,000 บาท ส่วนอาหารมื้อกลางวันก็มีให้เลือกเริ่มต้นที่เซ็ตละ 950-1,950 บาท ส่วนมื้อเย็นก็มีให้เลือกทั้งแบบอาลาคาร์ท และแบบเทสติงเมนู ซึ่งราคาของเทสติงเมนูจะอยู่ที่ 4,950-6,950 บาท