ในงานประชุมนักพัฒนาประจำปีของกูเกิล หรือ Google I/O ประจำปีนี้ มีสิ่งหนึ่งที่ได้รับความสนใจไม่น้อยก็คือ การพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของบริษัทลูกอย่าง Waymo ที่เตรียมนำระบบปัญญาประดิษฐ์และ Machine Learning เข้ามาช่วยในการขับขี่ทุกสถานการณ์ แม้มีหิมะตกก็สามารถขับผ่านได้อย่างสบาย ๆ
ปัจจุบันมีหลายบริษัทใหญ่ที่พยายามพัฒนารถยนต์ไร้คนขับออกมาประชันในตลาด รวมถึงกูเกิลที่ล่าสุดได้นำเสนอแนวคิดพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของตนเองอย่าง Waymo ในงานประชุมนักพัฒนา Google I/O ประจำปีนี้
โดยเตรียมนำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์เส้นทาง ซึ่ง AI ของกูเกิลนั้น ขึ้นชื่อว่ามีประสิทธิภาพในการค้นหาภาพและจดจำเสียงพูด โดย Waymo ได้ร่วมมือกับทีม Google Brain ในการทดสอบการตรวจจับคนเดินถนน ซึ่งการทดสอบในช่วงแรกก็แสดงให้เห็นว่า ระบบตรวจจับคนเดินถนนผิดพลาดน้อยลงถึง 100 เท่า จึงทำให้ระบบนี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยปัจจุบันได้ทดลองวิ่งบนถนนสาธารณะในรัฐแอริโซนา ของสหรัฐฯ แล้ว
นอกจากนั้น กูเกิลยังนำ AI มาช่วยในการวางแผน การจำลองเส้นทาง รวมไปถึงการใช้ Machine Learning เข้ามาช่วยเพื่อให้รถขับเคลื่อนไปได้อย่างราบรื่นแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น การขับรถในบริเวณก่อสร้าง
การหลีกทางให้รถฉุกเฉิน การจอดรถขนานฟุตบาต โดยปัจจุบันสามารถวิ่งทดสอบไปแล้วกว่า 6 ล้านไมล์บนถนนสาธารณะ และได้สังเกตปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นระหว่างยานยนต์ คนเดินถนน รวมไปถึงนักปั่นจักรยานและที่สำคัญ กูเกิลยังใช้หน่วยประมวลผล TPU ที่ช่วยให้ประมวลผลได้เร็วขึ้น 15 เท่า โดยได้ทดสอบผ่านระบบซิมูเลชั่นที่จำลองการขับขี่ในสถานการณ์จริง กับรถราว 25,000 คันต่อวัน
นอกจากนั้น นักพัฒนาจำนวนไม่น้อยยังให้ความสนใจกับโปรแกรม Weatherproofing ที่จะช่วยให้ควบคุมรถได้ในทุกสภาพอากาศ แม้จะทำให้เกิดข้อจำกัดทางการมองเห็น เช่น ฝนตกหนัก หิมะปกคลุมหนาแน่น ซึ่งโดยปกติแล้วเม็ดฝนและหิมะเหล่านี้จะไปรบกวนการทำงานของเซนเซอร์ แต่ระบบนี้จะช่วยคัดกรองเสียงรบกวนต่าง ๆ เพื่อให้ตรวจจับคนเดินถนน ยานยนต์บนท้องถนนได้ดียิ่งขึ้น โดยกูเกิลจะยังคงพัฒนาการทำงาน AI ต่อไป เพื่อให้การคมนาคมขนส่งในอนาคตปลอดภัยและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน