การดูฟุตบอลอย่างผิดกฎหมายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ในหลายประเทศ ทำให้หนึ่งในลีกที่ดังที่สุดในโลกอย่าง ลา ลีกา เลือกที่จะใช้วิธี 'ดักฟัง' เสียงจากบริเวณที่อาจมีสัญญาณเถื่อนผ่านสมาร์ตโฟนผู้ใช้งานแอปพลิเคชันของลีก ทำให้ล่าสุดถูกตัดสินว่าวิธีนี้ละเมิดผู้ใช้งาน จนต้องถูกปรับเงิน
ฟุตบอล ไม่ต่างจากกีฬาอื่น ๆ ที่ผู้ชมจะมีอารมณ์ร่วมและอยากสัมผัสเกมการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ว่าแฟนบอลเหล่านี้จะอยู่ที่ไหน มีทางเข้าถึงสัญญาณภาพหรือไม่ ก็จะพยายามหาทางรับชมให้ได้ เกิดเป็นการรับชมสัญญาณแบบผิดกฎหมายตามมา ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลกที่หลายประเทศยังแก้ไขไม่ได้ และสำหรับตัว 'ลีก' การแข่งขันเองแล้ว นี่นับเป็นรายได้ที่สูญเสียไปอย่างมหาศาล
ลีกฟุตบอลดังอย่าง 'ลา ลีกา' ของสเปนจึงเลือกที่จะแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง โดยไม่ผ่านองค์กรใด ๆ แต่วิธีการของพวกเขากลับให้ต้องถูกตัดสินโทษ ด้วยการปรับเงิน ไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเป็นกระแสสังคมในสเปนว่า สุดท้ายแล้ว ขอบเขตของสิทธิแต่ละฝ่าย ทั้งผู้ชม ทั้งลีก และผู้เล่นอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมกีฬาอยู่ตรงไหนกันแน่
เรื่องเริ่มจากที่ทางลีก ลา ลีกา ต้องการรู้ว่าสัญญาณรับชมการแข่งขันผิดกฎหมายเกิดขึ้นที่ใดบ้างกันแน่ จึงใช้วิธี 'เปิดไมโครโฟน' ของสมาร์ตโฟนผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน ลา ลีกา ซึ่งใช้รับชมรับฟังข่าวสารจากทางลีก เพื่อที่จะฟังว่าเสียงจากการแข่งขันที่สมาร์ตโฟนพอจะจับได้
จากนั้นจึงใช้ฟังก์ชันค้นหาและระบุพิกัดเสียง เพื่อให้ทราบว่าผู้ใช้งานแอปฯ ดูฟุตบอลอยู่ที่ใด และพื้นที่นั้น หรือร้านอาหาร/คลับบาร์นั้น ๆ มีการขอซื้อสัญญาณจากลีกอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ และหากซื้อ ได้ซื้อไปเป็นแพ็กเก็จตรงกับลักษณะการรับชมหรือไม่
สิ่งนี้ทำให้หน่วยงานปกป้องข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต หรือ AEPD สั่งปรับ ลา ลีกา เป็นจำนวนเงิน 250,000 ยูโร หรือ 8 ล้าน 8 แสนบาท หลังพบว่ามีสมาร์ตโฟนของผู้ใช้งานแอปฯ กว่า 50,000 คน ถูกเปิดไมโครโฟนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ โดยหน่วยงานฯ ชี้ว่า ลา ลีกา ละเมิดการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง เนื่องจากไม่ได้แจ้งเตือนผู้ใช้งานว่าจะดักฟังเสียงรอบข้างเครื่องของพวกเขาเช่นนี้ และหากได้มีการแจ้งเตือน 'ทุกครั้ง' ก่อนจะเปิดไมโครโฟน วิธีการนี้ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายไปทันที
อย่างไรก็ตาม กลับปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธีการของ ลา ลีกา ประสบผลสำเร็จในทางหนึ่ง เพราะทำให้เกิดการฟ้องร้องคดีกับบาร์และร้านอาหาร จากการใช้สัญญาณผิดกฎหมายถึงกว่า 600 คดี โดยก่อนหน้านี้ ทางลีกออกมาระบุว่าแต่ละปีต้องสูญเสียค่าลิขสิทธิ์รับชมสูงถึง 400 ล้านยูโร หรือ 14,000 ล้านบาท เพราะบาร์และร้านอาหารครึ่งหนึ่งไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง
ข้อมูลของ ลา ลีกา ชี้ว่า จากร้านค้า 120,000 แห่ง ราว 60,000 แห่ง ไม่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา โดย 2 ใน 3 ใช้สัญญาณเถื่อน ขณะที่อีก 1 ใน 3 ที่เหลือ เลือกที่จะซื้อแพ็กเกจสำหรับการรับชมในครัวเรือน ไม่ใช่แพ็กเกจสำหรับผู้ประกอบการ ที่ราคาสูงกว่า
ลา ลีกา เปิดเผยเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ว่าร้านอาหารในย่านเดียวกัน มักแชร์สัญญาณเถื่อนร่วมกัน จนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมีการทำกันเป็นกระบวนการ และจ่ายค่าจ้าง 'คนแฮกสัญญาณ' อย่างเปิดเผย ผ่านบัญชีธนาคารทั่วไป ซึ่งล่าสุด เมื่อมีการตัดสินปรับเงินเช่นนี้ ทางลีกจะขออุทธรณ์ในศาลต่อไป เพื่อปกป้องสิทธิ์และทรัพย์สินของตนเอง
ลีกระบุว่า การใช้วิธีเปิดไมโครโฟนนี้ไม่ถือว่าล่วงละเมิดผู้ใช้งาน เพราะทั้ง 4 ล้านคนที่ดาวน์โหลดแอปฯ ได้กด 'ยินยอม' กับข้อความที่ว่า 'ยอมให้ใช้ตรวจสอบพฤติกรรมรับชมที่อาจจะผิดกฎหมาย' แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีที่ใช้ในการนี้ ก็ไม่แตกต่างอะไรกับการดักจับเนื้อเพลงในแอปฯ Shazam ที่ระบุชื่อเพลง ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีการบันทึกหรือจัดเก็บไว้แต่อย่างใด เป็นแค่การจับสัญญาณเพื่อเปรียบเทียบกับคลื่นเสียงการออกอากาศเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม AEPD ยังคงยืนยันว่าการแจ้งเตือนต้องเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการดักฟังเช่นนี้ ไม่ใช่การกดยินยอมครั้งเดียวเมื่อเปิดใช้งาน ซึ่งทางด้านฝ่ายไอทีของ ลา ลีกา คิดว่าการไม่บันทึกข้อมูลไว้ถือเป็นสิ่งที่ยืนยันความโปร่งใสขององค์กรแล้ว ไม่ควรจะมาเอาผิดกับการปกป้องตนเองของเจ้าของลีก ในฐานะผู้ประกอบการรายหนึ่ง เช่นนี้
ทั้งนี้ ลา ลีกา จะเลิกใช้เทคโนโลยีดักฟังที่ว่านี้เมื่อสิ้นสุดเดือนมิถุนายน โดยระบุว่าเป็นเพราะหมดสัญญากับซัพพลายเออร์ที่พัฒนาฟีเจอร์เท่านั้น ไม่ใช่เพราะถูกปรับหรือคำสั่งจาก AEPD แต่อย่างใด