Trending Now 7 กุมภาพันธ์ 2561
SpaceX ปล่อยจรวด Falcon Heavy สำเร็จ
สเปซเอ็กซ์ ทดสอบยิงจรวดฟอลคอน เฮวี ซึ่งเป็นจรวดที่มีขนาดใหญ่และหนักที่สุดขึ้นสู่วงโคจรได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยฟอลคอนเฮวีได้นำรถยนต์เทสลารุ่น 'โรดส์เตอร์' พร้อมชุดนักบินอวกาศของสเปซเอ็กซ์ในโครงการดรากอนสำหรับนักบินอวกาศที่เตรียมจะไปสำรวจดาวอังคารลงไปในจรวดอีกด้วย ซึ่งน้ำหนักของสิ่งของที่นำขึ้นสู่วงโคจรในครั้งนี้มีความจุราว 120,000 ปอนด์ หรือประมาณ 64 ตัน ซึ่งถือเป็นน้ำหนักที่ไม่เคยมีจรวดรุ่นไหนเคยทำมาก่อน
สเปซเอ็กซ์เริ่มปล่อยจรวด ฟอลคอน เฮวี ในเวลา 13 นาฬิกา 30 นาทีตามเวลาในสหรัฐฯ หรือประมาณ 1 นาฬิกา 30 นาที ของเช้าวันนี้ ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งการปล่อยจรวดครั้งนี้ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง 30 นาทีในการดำเนินการ หลังจากที่ ฟอลคอน เฮวี ถูกปล่อยขึ้นสู่วงโครจรเรียบร้อยแล้ว 'ฟอลคอนเฮวี่บูสเตอร์' ตัวส่งแรงขับให้จรวดทะยานขึ้น ได้กลับลงมาจอดที่จุดแลนดิงที่ สถานีกองทัพอากาศ เคป คาเนเวรอล อย่างปลอดภัย
ทางสเปซเอ็กซ์ได้เผยแพร่ภาพการปล่อยจรวดครั้งนี้ให้ผู้คนทั่วโลกได้รับชม และผู้คนที่อยู่ในสหรัฐฯ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าตามท้องถนน คุณผู้ชมที่พลาดการรับชมถ่ายทอดสดการปล่อยจรวด ฟอลคอน เฮวี สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่เฟซบุ๊กของสเปซเอ็กซ์ https://www.facebook.com/SpaceX/videos/10160497472040131/
DJI เปิดตัว 'Mavic Air' โดรน 4K ขนาดกะทัดรัด
ดีเจไอ ผู้ผลิตและพัฒนาโดรนถ่ายภาพ เปิดตัว 'Mavic Air' โดรนพับขนาดกะทัดรัดรุ่นล่าสุดในไทยอย่างเป็นทางการ และเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากเปิดตัวที่สหรัฐฯ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดย Mavic Air ถูกออกแบบมาเพื่อการท่องเที่ยวและกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะ สามารถบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K และบันทึกภาพนิ่งที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันภาพสั่น 3 แกน และโหมด QuickShot และ SmartCapture ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งการได้ด้วยมือ และยังมีระบบช่วยบิน FlightAutonomy 2.0 ที่ใช้เซ็นเซอร์รอบตัวในการหลบสิ่งกีดขวางและเพิ่มรายละเอียดในการควบคุมการบิน
Mavic Air เป็นโดรนดีเจไอตัวแรกที่มาพร้อมกับความจุในตัว 8 กิกะไบต์ และผู้ใช้งานสามารถเพิ่มความจุได้ด้วย Micro SD Card พร้อมทั้งรองรับการเชื่อมต่อพอร์ต USB-C ให้ถ่ายโอนภาพได้รวดเร็วขึ้น Mavic Air สามารถบินได้นาน 21 นาที ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยสามารถบินนิ่ง ๆ ในกระแสลมแรงได้ถึง 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบินขึ้นในแนวดิ่งได้สูงถึง 5,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ผู้ใช้งานสามารถควบคุมโดรนผ่านรีโมตคอนโทรลของ Mavic Air โดยเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ตโฟนเพื่อใช้เป็นจอมองภาพ ที่พิเศษคือ Mavic Air ยังใส่ฟีเจอร์พิเศษที่ทำงานร่วมกับระบบจีพีเอสให้โดรนรุ่นนี้สามารถระบุได้ว่าโซนไหนที่ห้ามผู้ใช้งานนำโดรนขึ้นบิน
ดีเจไอ Mavic Air มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Onyx Black, Arctic White และ Flame Red โดยชุดมาตรฐานราคา 30,000 บาท