'มาสด้า 3' รุ่นปี 2019 เปิดตัวที่แอลเอ ออโต โชว์
ที่ลอสแอนเจลิสในอเมริกาตอนนี้ กำลังมีการจัดงานออโตโชว์อยู่ ซึ่งมีรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เปิดตัวกันที่นั่นหลายคัน และรถรุ่นหนึ่งที่เป็นที่สนใจอย่างมากคือ มาสด้า 3 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกที่งานนี้
บริษัทมาซด้าได้เปิดตัวรถยนต์ มาสด้า 3 รุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับปี 2019 เป็นครั้งแรก ที่งานแอลเอ ออโต โชว์ ในสหรัฐฯ โดยมาสด้า 3 รุ่นใหม่นี้ถือว่าเป็นรุ่นที่ 4 มีเปิดตัวทั้งรุ่นซีดานและแฮตช์แบ็ก มาพร้อมเอกลักษณ์การออกแบบของมาสด้าที่เรียกว่า โคโดะ หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว ที่ถูกปรับปรุงให้มีความภูมิฐานมากขึ้นและแฝงไว้ด้วยสุนทรียภาพแบบญี่ปุ่น รูปทรงในภาพรวมเน้นความเรียบง่าย แต่ดูหรูหรา ถ่ายทอดการหักเหของแสงและเงาไปบนพื้นผิวตัวถังได้อย่างลงตัว
มาสด้า 3 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv X, SkyActiv G และ SkyAcrtiv D ขนาด 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 184 แรงม้า ส่วนภายในห้องโดยสาร มีหน้าจอขนาด 8.8 นิ้วเพื่อแสดงข้อมูลการขับขี่ และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เรียกว่า i-Activsense ด้วยการใช้กล้องอินฟราเรดตรวจจับความเมื่อยล้าผ่านสายตา ปาก และใบหน้าของผู้ขับขี่ โดยระบบจะเตือนด้วยเสียงและแสงไฟส่องสว่างทันที หากพบว่าผู้ขับขี่มีอาการหลับในจากความเหนื่อยล้า
มาสด้า 3 เปิดตัวรุ่นแรกในปี 2003 และมียอดขายรวมทั่วโลกจนถึงตอนนี้กว่า 6 ล้านคัน และเป็นรถยนต์รุ่นที่ขายดีเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐฯ ซึ่งอากิระ มารุโมโตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมาสด้า กล่าวว่า มาสด้า 3 ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว เป็นเหมือนการเริ่มต้นของมาสด้ายุคใหม่ ที่จะยกระดับประสบการณ์การครอบครองรถของลูกค้า และจะช่วยเสริมสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
DJI OSMO Pocket พร้อมขายธันวาคมนี้
DJI บริษัทผู้ผลิตโดรนและกิมบอลชื่อดังจากจีน ได้จัดงานอีเวนต์ Because Life is Big ที่นครนิวยอร์กในสหรัฐฯ พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ล่าสุด นั่นคือ DJI OSMO Pocket ซึ่งเป็นกล้องที่มาพร้อมกับไม้กันสั่นขนาดเล็ก โดยมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 349 ดอลลาร์ หรือประมาณ 11,500 บาท และพร้อมจะวางจำหน่ายในวันที่ 15 ธันวาคมนี้
จุดเด่นของ DJI OSMO Pocket นอกจากจะมีขนาดที่เล็กจนน่าตกใจแล้ว ยังมาพร้อมกับแกนกันสั่น 3 แกน ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าภาพจะไม่สั่นไหวอย่างแน่นอน แม้จะวิ่งถ่ายภาพ มีมุมถ่ายภาพกว้าง 80 องศา สามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดทั้งระดับ Full HD และระดับ 4K สามารถปรับตั้งค่าแบบ Manual ได้ทั้งรูรับแสง, ISO, ความเร็วชัตเตอร์ ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้นานต่อเนื่อง 140 นาที
DJI OSMO Pocket ทำงานคู่กับแอปพลิเคชันตัวใหม่ชื่อว่า DJI Mimo (มิโม) ซึ่งใช้งานได้ตั้งแต่การ Activate อุปกรณ์จนถึงการถ่ายทำและการตัดต่อ และยังมาพร้อมกับ Story Mode ที่จะช่วยแนะนำการถ่ายวิดีโอให้กลายเป็นคลิปสนุก ๆ ได้ง่าย ๆ ซึ่งขนาดที่เล็กและพกพาง่าย ทำให้ DJI OSMO Pocket น่าจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของกล้อง Go Pro Hero 7 ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่กี่เดือนที่ผ่านมา