เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ เพราะจะเป็นอันตรายแก่ทารกในครรภ์ ซึ่งผลวิจัยล่าสุดจากอังกฤษได้ชี้ว่า ความจริงแล้วทั้งพ่อและแม่ควรใส่ใจการกินของตนเองตั้งแต่ก่อนเด็กจะปฎิสนธิ เพราะหากอ้วนเกินไปหรือขาดสารอาหาร ก็จะส่งผลเสียต่อทารกในระยะยาว
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ชั้นนำ The Lancet เผยว่า สุขภาพที่ดีของมนุษย์นั้นเริ่มได้ตั้งแต่ก่อนที่จะปฏิสนธิ เนื่องจากสุขภาพของพ่อแม่ในช่วงนั้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนัก ระบบเผาผลาญอาหาร และอาหารที่รับประทานเข้าไป อาจส่งผลทำให้ทารกเสี่ยงที่จะเป็นโรคเรื้อรังได้ในอนาคต
จูดิธ สตีเฟนสัน ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ผู้เขียนวิจัยหลักของซีรีส์นี้เผยว่า ปัจจุบันคนมักหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอย่างการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ แต่ความจริงแล้ว เราควรเตรียมพร้อมทางด้านโภชนาการก่อนตั้งครรภ์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายหรือหญิง
สำหรับผู้ปกครองที่เป็นโรคอ้วนจะเพิ่มความเสี่ยงให้ลูกเป็นโรคหัวใจ โรคชัก ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคเบาหวาน โดยเชื่อว่าแม่ที่มีอาการอ้วนจะมีระดับฮอร์โมนส์สูงและติดเชื้อได้ง่ายกว่า ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการของไข่และตัวอ่อนโดยตรง และจะเพิ่มความเสี่ยงให้ทารกเป็นโรคเรื้อรังในอนาคต ขณะที่พ่อที่เป็นโรคอ้วนนั้นจะผลิตสเปิร์มได้ไม่มากนัก
นอกจากนั้น แม่ที่ขาดสารอาหารจะทำให้เด็กมีพัฒนาการล่าช้า ซึ่งจะส่งผลไปยังทายาทอีกหลายรุ่น โดยความตื่นตัวเรื่องนี้ยังมีไม่มากนัก ซึ่งผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์นั้นมักจะขาดสารอาหาร ไม่ก็เป็นโรคอ้วนไปเลย โดยเกิดขึ้นได้ทั้งในประเทศที่มีรายได้สูงและประเทศที่มีรายได้ต่ำ
ผลวิจัยนี้ได้มาจากการวิเคราะห์สตรีวัยเจริญพันธุ์ตั้งแต่อายุ 18 ถึง 42 ปีในอังกฤษและออสเตรเลีย โดยผลการศึกษาเผยให้เห็นว่า ผู้หญิงมักจะไม่มีความพร้อมทางโภชนาการก่อนตั้งครรภ์ โดย 96 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงในกลุ่มตัวอย่างได้รับธาตุเหล็กและโฟเลตน้อยกว่าปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน ซึ่งการปรับเปลี่ยนวิถีการบริโภคอาหารหลังตั้งครรภ์แล้วนั้นอาจไม่ช่วยเสริมสุขภาพเด็กได้อย่างเต็มร้อย
นอกจากนั้น ผลการศึกษายังแนะนำให้โรงเรียนเตรียมความพร้อมในการเป็นผู้ปกครองให้กับนักเรียนตั้งแต่วัยรุ่น เนื่องจาก 40 เปอร์เซ็นต์ของการตั้งครรภ์ทั่วโลกนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ได้วางแผนล่วงห