ท่ามกลางสถานการณ์ที่บริษัท Toys R Us เชนบริษัทของเล่นเดียวเดียวของสหรัฐฯ ยื่นขอล้มละลาย และขอเข้าสู่กระบวนการพิทักษ์ทรัพย์ ขณะที่บริษัท เลโก้ บริษัทของเล่นที่มีกำไรมากที่สุดในโลกก็เปิดเผยว่า ยอดขายในครึ่งปีแรกของปี 2017 ตกลงเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ขณะที่ยอดขายของร้านค้าปลีกที่ขายของเล่นต่างๆ ก็ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน และช่วงไฮซีซั่นอย่างช่วงคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงนี้ ยอดขายก็อาจไม่สูงเท่าปีที่ผ่านมามากนัก
นายนีล ซอนเดอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทโกลบอล ดาต้า ที่ปรึกษาธุรกิจค้าปลีกระบุว่า ตลาดของเล่นซบเซาลงมาสักพักแล้ว อัตรากำไรถูกบีบด้วยการแข่งกันลดราคา โดยเฉพาะช่วงวันหยุด
วิกฤตของ Toys R Us เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน ที่บริษัทถูกเทคโอเวอร์โดยกิจการค้าร่วมของบริษัทลงทุนหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งนำสินทรัพย์ไปกู้เพื่อมาซื้อบริษัท ทำให้เกิดหนี้สูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีกำหนดคืนหรือรีไฟแนนซ์ในปี 2018 และมีภาระจ่ายดอกเบี้ยสูง ส่งผลให้บริษัทก็ไม่สามารถนำรายได้ไปหมุนในกิจการหรือปรับเปลี่ยนสินค้าไปตามความต้องการของตลาด
ปัจจัยสำคัญอีกประการก็คือ การมีร้านค้าปลีกเกือบ 900 สาขาในสหรัฐฯ และอีก 600 สาขาทั่วโลก เป็นภาระที่หนักอึ้ง ขณะที่ร้านค้าปลีกอื่นๆ เช่น วอลมาร์ทก็จัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมของเล่น และช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดไป นอกจากนี้ คนจำนวนมากก็หันมาใช้ออนไลน์ช็อปปิง เช่น แอมะซอนที่มีโปรโมชั่นลดค่าจัดส่งสินค้า
อย่างไรก็ตาม กรณีของเลโก้แตกต่างไปจาก Toys R Us เพราะเลโกยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นของเล่นเพียงไม่กี่อย่าง ที่สามารถนำไปประดับตกแต่งบ้านได้ สามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น หรือแตกไลน์ออกไปทำเป็นภาพยนตร์ ถือเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการดี แต่เปรียบเหมือนเรือรบ ที่ใหญ่และราคาแพง ในขณะที่ธุรกิจทุกวันนี้เป็นสปีดโบ้ทที่ราคาถูกกว่า เคลื่อนที่ว่องไวกว่า ทำให้เซ็ตเลโก้ชุดใหญ่ถูกนำไปวางไว้ด้านในชั้นวางของ และแทนที่ด้วยของเล่นที่ราคาถูกกว่า เป็นคอลเลกชั่นไว้สะสมได้อย่าง สปิน มาสเตอร์ ของเล่นสัญชาติแคนาดาที่มีอัตราการเติบโตถึง 300%
นักวิเคราะห์จาก ดิ เอ็นเทอร์เทนเนอร์เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ของเล่นที่ได้รับความนิยมมีตั้งแต่ fidget toys ไปจนถึง Surprise dolls ซึ่งเป็นคอลเลกชั่นตุ๊กตาที่ซ่อนอยู่ในลูกบอล โดยเทรนด์ทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า เด็กหันไปซื้อของเล่นแบบของคอลเล็กชั่นสะสมกันมากขึ้น จากคอลเลกชั่นหนึ่งไปอีกคอลเลกชั่น เพราะเด็กยุคนี้หาความบันเทิงได้จากยูทูบและเน็ตฟลิกซ์ ไม่ได้ดูแต่การ์ตูนบล็อกบัสเตอร์อีกต่อไป ทำให้เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยยึดติดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเหมือนที่ผ่านมา