เทรนด์การสร้างบ้าน 2 ชั้นขึ้นไปกำลังจะกลับมา ส่วนบ้านชั้นเดียวจะได้รับความนิยมน้อยลง เนื่องจากผู้บริโภคต้องการใช้สอยพื้นที่ที่มีจำกัดให้คุ้มค่ามากขึ้น
นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า เทรนด์การสร้างบ้านในปีนี้ ผู้บริโภคคำนึงการใช้สอยพื้นที่ภายในบ้านอย่างคุ้มค่ามากขึ้น เนื่องจากพื้นที่ของที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัด และราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการสร้างบ้านในปีนี้จะอยู่ในรูปแบบบ้าน 2 - 3 ชั้น ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท ส่วนบ้านชั้นเดียวจะได้รับความนิยมน้อยลง เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยไม่ตอบโจทย์กับความคุ้มค่าที่ผู้บริโภคในนุคนี้ต้องการ
สำหรับต้นทุนการก่อสร้างยังคงปรับสูงขึ้น จากวัสดุก่อสร้างในปีนี้จะยังเพิ่มขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 3-5% แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ในระดับต่ำก็ตาม โดยธุรกิจรับสร้างบ้านไตรมาส1-2 จะทรงตัว ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและภายในประเทศ และจะค่อยๆฟื้นตัวในไตรมาสที่ 3-4 คาดทั้งปีจะเติบโตร้อยละ 10-15 มูลค่าอยู่ที่ 11,500-12,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อน(58)ที่ธุรกิจรับสร้างบ้านชะลอตัวติดลบ มูลค่าอยู่ที่ 9,000 - 10,000 ล้านบาท ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 15,000 ล้านบาท
การเติบโตของธุรกิจรับสร้างบ้านมาจากปัจจัยบวกด้านการขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐ,ความต้องการจริงของผู้บริโภค หรือ เรียลดีมานด์ ที่ยังสะสมมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และมาตรการด้านภาษีของเอสเอ็มอี ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีสภาพคล่องมากขึ้น
ขณะที่ปัจจัยลบยังต้องติดตามปัญหาการเมืองในสหภาพยุโรป และราคาน้ำมันที่จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น สำหรับภาพรวมตลาดอสังหา นายกสมาคมรับสร้างบ้านคาดว่า จะเติบโตตามทิศทางที่ผู้ประกอบการรายใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยจะขยายตัวเฉลี่ยที่ร้อยละ 3 ตามคาดการณ์จีดีพีในปีนี้ ซึ่งยังต้องจับตาการเก็งกำไรในกลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ รายย่อยที่ยังมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมีเนียมอยู่ อาจได้รับผลกระทบจากทิศทางคอนโดที่อาจจะชะลอตัวลงในปีนี้
อย่างไรก็ตาม สมาคมรับสร้างบ้าน เตรียมจัดงาน Home Builder Focus 2016 ในวันที่ 10-13 มีนาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดสร้างยอดขายในงานได้ 1,000 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจรับสร้างบ้านได้ถึง 15%