TUF อาจขายแบรนด์ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี หากสามารถเข้าซื้อบัมเบิลบี ซีฟู้ด ในสหรัฐฯ หลังเข้าข่ายผูกขาดตลาดทูน่ากระป๋องเป็นอันดับ 1 ขณะที่กำไรสุทธิในปีนี้ คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดหลังราคาทูน่าปรับตัวเพิ่มขึ้น และเงินบาทอ่อนค่า
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปร ดักส์ จำกัด(มหาชน) หรือ TUF เปิดเผยความคืบหน้าการเข้าซื้อกิจการบริษัท บัมเบิลบี ซีฟู้ด จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ มูลค่า 48,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างเจรจา และรอความชัดเจนจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ หลังมีความล่าช้าจากกฎหมายผูกขาดทางการค้า โดยจะสรุปการซื้อขายภายในสิ้นปีนี้
หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการซื้อบัมเบิลบี ซีฟู้ด ที่อาจเข้าข่ายผูกขาดการค้า เพราะ TUF จะครองส่วนแบ่งการตลาดทูน่ากระป๋องในสหรัฐฯ เป็น อันดับ 1 บริษัทอาจขายแบรนด์ ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี เพื่อลดส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีอยู่ เพื่อคลี่คลายปัญหานี้
ส่วนกำไรสุทธิปีนี้ คาดว่าจะทำสถิติสูงสุด หากสามารถทำรายได้ 4,500-5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วยรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 15-16% และอัตรากำไรสุทธิ 4.5% โดยบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ทูน่าปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และผลดีจากเงินบาทอ่อนค่า
ส่วนกรณีไทยถูกจัดอันดับต่ำสุดของการค้ามนุษย์ หรือ เทียร์ 3 โดยสิ่งที่ต่างประเทศต้องการ คือ การทำตามกฎหมายอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เช่น การปรับเปลี่ยนระบบการผลิต