กลุ่ม 10 พรรคการเมืองขนาดเล็ก ประกอบด้วย พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคประชาธรรมไทย, พรรคพลังไทยรักไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชานิยม พรรคพลังพลเมืองไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงมติการประชุมร่วมทั้ง 10 พรรค โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.บัญชีรายชื่อและแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ร่วมแถลงด้วย โดย ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า มาให้กำลังใจและไม่ได้มีการล็อบบี้หรือกำหนดทิศทางมติของทั้ง 10 พรรคแต่อย่างใด ขณะที่กลุ่ม 10 พรรค มีนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ เป็นตัวแทนผู้ประสานงานในวิปรัฐบาล
ด้าน พล.ต.ทรงกลด ทิพรัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย ประกาศมติและเจตนารมณ์ 10 พรรค 6 ข้อ คือ 1) ทั้ง 10 พรรคยืนยันการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
2) ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ
3) ทุกพรรคได้เสนอนโยบายทางการเมืองให้กับพรรคพลังประชารัฐไปร่างเป็นนโยบายรัฐบาลแล้ว
4) ต้องการให้ประเทศเดินหน้าต่อไป
5) รีบเร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด
6) ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นดุลพินิจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม
โดยตัวแทนและหัวหน้าแต่ละพรรคต่างยืนยันว่า กลุ่ม 10 พรรค ยังเหนียวแน่น เป็นเอกภาพและยึดมติร่วมกัน ซึ่งยังคงอยู่ฝ่ายรัฐบาลที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐ ส่วนความเห็นส่วนตัวของบางคน ถือเป็นเรื่องปกติและเป็นสีสันการเมือง และหาก 10 พรรคไม่มีสัดส่วนในฝ่ายบริหารหรือไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ก็จะทำหน้าที่ ส.ส.ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเต็มที่ เพื่อตรวจสอบ ถ่วงดุลฝ่ายบริหารตามกระบวนการในระบบรัฐสภา แต่หลังจากประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว ก็จะมีการประชุมกำหนดท่าทีกันอีกครั้ง
ขณะที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เพียงคนเดียวที่ประกาศชัดเจนว่า แม้กลุ่ม 10 พรรคจะไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี พรรคพลังธรรมใหม่ ก็จะอยู่ฝ่ายรัฐบาลต่อไป โดยให้เหตุผลว่า ต้องการมาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่ตำแหน่งรัฐมนตรี จึงไม่ควรงอแงหรือต่อรองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
ส่วนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยอมรับมติกลุ่ม 10 พรรค และยอมรับว่า ท่าทีซึ่งแถลงไปเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว แต่ถึงที่สุดก็จะอยู่ฝ่ายรัฐบาลและจะท้วงติงหรือคัดค้าน ใน ฐานะ ส.ส. หากรัฐบาลทำอะไรไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ต้องการให้พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล แสดงความใจกว้าง ต่อรองให้น้อย และหวังว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นความสำคัญของกลุ่ม 10 พรรค เพื่อให้มีเสถียรภาพและบริหารประเทศได้ครบวาระ 4 ปี เนื่องจากจะไม่มีมาตรา 44 และอำนาจของหัวหน้า คสช.แล้ว การตัดสินใจจึงควรรอบคอบมากกว่า 5 ปีที่ผ่านมา หากพล.อ.ประยุทธ์ไม่ทิ้งเรา ซึ่งหมายถึงกลุ่ม 10 พรรค เราก็จะไม่ทิ้งท่าน
ด้านนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ระบุว่า กลุ่ม 10 พรรคจะใช้ ส.ส.10 เสียงในสภา เพื่อกดดันรัฐบาลให้ยอมยกตำแหน่งประธานกรรมาธิการชุดต่างๆ ให้แก่ฝ่ายค้าน เพื่อการตรวจสอบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพในสภา ถือเป็นการสร้างมิติใหม่ทางการเมือง ที่เมื่อรัฐบาลกุมอำนาจในกระทรวงแล้ว ก็ไม่ควรส่งคนไปกุมอำนาจในกรรมาธิการชุดต่างๆอีก ซึ่งทำให้การเมืองในอดีต ไม่สามารถตรวจสอบ ถ่วงดุลได้อย่างที่ควรจะเป็น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง