นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เพื่อให้การจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ กรมการขนส่งทางบกส่งผู้ตรวจการลงพื้นที่กวดขันการให้บริการรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเน้นมาตรการเฝ้าระวังตรวจจับเปรียบเทียบปรับเข้มข้นจริงจังทันทีพร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณจุดจอดรอขึ้นรถตู้โดยสารเพื่อให้การเดินรถมีเพียงพอกับจำนวนผู้โดยสาร
โดยเฉพาะกรณีฝ่าฝืนนำรถตู้โดยสารสาธารณะครบกำหนดอายุ 10 ปี และรถแท็กซี่ครบกำหนดอายุ 9 ปี นำมาวิ่งให้บริการประชาชนทั้งนี้เฉพาะเดือน พ.ย. - ธ.ค. 2561 ตรวจสอบการให้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะและรถแท็กซี่ในกรุงเทพมหานครรวม 25,473 คัน พบการกระทำความผิดรวม 1,769 รายการกระทำความผิดส่วนใหญ่เป็นเรื่องอุปกรณ์ ส่วนควบไม่มั่นคงแข็งแรง พบการฝ่าฝืนนำรถแท็กซี่ครบกำหนดอายุการใช้งานเกิน 9 ปีมาให้บริการจำนวน 93 คัน ซึ่งได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามข้อหาความผิดทุกราย แต่ไม่พบการฝ่าฝืนนำรถตู้ครบกำหนดอายุการใช้งาน 10 ปีมาให้บริการ
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน (ข้อมูลณวันที่ 11 ม.ค. 2561) มีรถตู้ที่ครบกำหนดอายุการใช้งานแล้วทั้งสิ้น 813 คันเปลี่ยนเป็นรถตู้คันใหม่แทนรถตู้คันเดิมที่หมดอายุ 374 คันและเปลี่ยนเป็นรถโดยสารมาตรฐานใหม่ (มินิบัส) จำนวน 140 คัน ซึ่งรถโดยสารขนาดเล็กที่ได้มาตรฐานมาเปลี่ยนทดแทนรถตู้โดยสารที่ครบกำหนดอายุการใช้งาน 10 ปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและยกระดับระบบรถโดยสารสาธารณะลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเนื่องจากสภาพรถเก่าเครื่องอุปกรณ์ชำรุดมีการใช้งานหนักอย่างต่อเนื่อง
พร้อมแนะนำประชาชนขอให้สังเกตรถแท็กซี่ก่อนเลือกใช้บริการโดยสภาพตัวรถภายนอกต้องมั่นคงแข็งแรง หมวดอักษรบนแผ่นป้ายทะเบียนรถ กรณีรถแท็กซี่นิติบุคคลที่ยังอยู่ในช่วงอายุการใช้งานหมวด“ท”ได้แก่ ทศ,ทษ,ทส,ทห และทฬ กรณีเป็นรถแท็กซี่บุคคลธรรมดาสีเขียว-เหลืองหมวด “ม” ได้แก่ มฉ มช มฎ1มก 1มข และ 1 มค
รถแท็กซี่ที่หมดอายุการใช้งานแล้วกรณีแท็กซี่บุคคลธรรมดาสีเขียว-เหลือง ได้แก่ หมวด ทจ มก มข มค มง และมจ ส่วนแท็กซี่นิติบุคคลที่ครบอายุแล้วได้แก่หมวดทฉ ทต ทท ทธ ทน ทพ ทม ทย ทร ทล ทว
หากผู้ขับรถแท็กซี่ที่นำรถที่สิ้นอายุการใช้งานมาวิ่งรับส่งผู้โดยสารจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และต้องปลดป้ายทะเบียนออกทันที