ไม่พบผลการค้นหา
อิทธิพลพายุโพดุล ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพเสาหิน แม่ฮ่องสอน และท่วมบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้เกิดดินโคลนถ่มขวางทางสัญจร 39 จุด สะพาดขาด 1 แห่ง

นายเรืองฤทธิ์ ผลดี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รายงานสถานการณ์เหตุอุทกภัย ให้แก่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ว่า ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. 2562 โดยได้รับการประสานจากนายสายัณห์ บำรุงพนัส ผู้ใหญ่บ้านโพซอ หมู่ที่ 5 ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่าเกิดน้ำไหลหลากในลำน้ำแม่แงะเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายหนัก และมียานพาหนะของประชาชนถูกน้ำป่าพัดจมน้ำขณะข้ามลำน้ำ แต่สามารถกู้คืนมาได้ 



แม่สะเรียง.jpg

เบื้องต้นนายธนกิจ ฉันทะจำรัสศิลป์ นายอำเภอแม่สะเรียง ได้ให้องค์การบริหารส่วนตำบลเสาหิน องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกาศ ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สะเรียง กรมทหารพรานที่ 36 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน กำลังพลประมาณ 30 นายพร้อมด้วยเครื่องจักรกลเข้าช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชรชนที่ได้รับผลกระทบ และตัดต้นไม้ที่ล้ม กับตักดินที่สไลด์กีดขวางการจราจรเส้นทางแม่สะเรียง-บ้านโพซอ รวมทั้งหมด 39 จุดออกจากถนนเพื่้อให้รถสามารถกลับมาสัญจรได้อีกครั้ง

น้ำท่วมแม่สะเรียง.jpg

ส่วนเหตุการณ์ที่บ้านโพซอ เกิดขึ้นเมื่อ เวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 1 ก.ย. 2562 เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโพซอหมู่ที่ 5 ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ชั้น 1 ของอาคารได้รับความเสียหายทั้งหมด รวมทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ของทางราชการถูกน้ำท่วมเสียหายเกือบทั้งหมด นอกจากนี้น้ำยังไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้าน แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยในเช้าวันนี้ (1 ก.ย.) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่เพื่อประสานการปฏิบัติแล้ว

7.jpg

ปภ. เผย 15 จังหวัดยังได้รับผลกระทบจาก 'พายุโพดุล' แต่ระดับน้ำลดลงแล้ว

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลพายุโซนร้อน "โพดุล" ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรงตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 2562 - ปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ในพื้นที่ 24 จังหวัด รวม 64 อำเภอ 148 ตำบล 356 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,663 ครัวเรือนผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่จังหวัดอุบลราชธานี ผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ที่จังหวัดชัยภูมิ และยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ พิจิตร เชียงใหม่ อำนาจเจริญ ชัยภูมิ มุกดาหาร ยโสธร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด และจังหวัดมหาสารคาม ปัจจุบันสถานการณ์ภาพรวมทุกพื้นที่ระดับน้ำลดลง

ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป

อย่างไรก็ตามในระยะนี้หลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ปภ.จึงขอฝากเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิดพร้อมปฏิบัติตามคำเตือน และคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ส่วนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป