พรรคพลังประชารัฐ นัดประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายของพรรค โดยมีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค เป็นประธาน มีแกนนำและคณะกรรมการยุทธศาสตร์เข้าร่วม เช่น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์ กทม. นายสุชาติ ตันเจริญ นายสันติ พร้อมพัฒน์ นายอิทธิพล คุณปลื้ม แกนนำพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค และนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค
นายอุตตม อ่านแถลงการณ์ของพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า จากผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครและพรรคพลังประชารัฐจนได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 8,433,137 คะแนน โดยมีผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งครบทุกภูมิภาคของประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้และกรุงเทพฯ ดังนั้น
1.พรรคพลังประชารัฐขอยึดมั่นและจะทำหน้าที่ภายใต้รัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องรักษาประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. พรรคพลังประชารัฐขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองเคารพการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนในทุกคะแนนเสียงที่ได้เลือกผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดก็ตาม ย่อมถือว่าเป็นสิทธิของประชาชน ผู้ใดก็ตามไม่ควรที่จะนำไปกล่าวอ้างว่าประชาชนที่สนับสนุนฝ่ายตนเองเป็นฝ่ายที่ชอบธรรม แต่ฝ่ายเดียวเท่านั้นเพราะจะนำไปสู่การแบ่งแยกพี่น้องประชาชนอันอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมเหมือนเดิม
3.พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลว่าทุกพรรคการเมืองสามารถรวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลได้แต่ในระหว่างที่กกต. ยังไม่สามารถประกาศและรับรองผลการเลือกตั้งอย่างทางการ โดยเฉพาะการคำนวณจำนวนส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ดังนั้นการรวบรวมเสียง ส.ส.เพื่อสนับสนุนการของรัฐบาล ย่อมยังจะไม่มีผลทางการเมืองที่จะประกาศชัดเจนว่าขั้วการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเสียงสนับสนุนครบถ้วนถูกต้องแล้ว
นายอุตตม ยังกล่าวถึงความมั่นใจในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ว่า ขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้แถลงผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ การพูดเรื่องจัดตั้งรัฐบาล ถือว่ายังไม่สิ้นสุด แต่การเจรจาเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ดังนั้นเราจะยังไม่แถลงสิ่งใดๆ ก่อนเวลาที่จะรับทราบผลอย่างเป็นทางการจาก กกต. ส่วนจะได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นๆ แต่ขอยังไม่พูดว่าจะฟอร์มรัฐบาลได้ หรือ รัฐบาลเป็นของเรา เพราะขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ จึงไม่ขอเอ่ยชื่อ พรรคการเมืองที่ได้ไปคุยมา
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวพรรค พปชร.จะกุมกระทรวงเศรษฐกิจไว้ทั้งหมด จึงทำให้พรรคการเมืองอื่นไม่กล้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล
นายอุตตม กล่าวว่า ยังไม่มีการต่อรองตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงไม่มีการกว้านซื้อตัว ส.ส.ตามที่มีกระแสข่าวอย่างแน่นอน
ร้อง กกต. แจงข้อกังขาสังคม
นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ถูกวิจารณ์ว่า ทำหน้าที่เข้าข้างพรรคพลังประชารัฐว่า พรรคเราก็เหมือนพรรคอื่นที่เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน ไม่มีใครช่วย และ กกต.ก็ไม่ได้ช่วย ตรงกันข้ามทางพรรค ก็อยากเรียกร้องให้ กกต.ชี้แจงข้อกังขาของสังคมไทยที่มีต่อ กกต. เช่น การประกาศคะแนนที่ล่าช้ามาจากสาเหตุใด การประกาศคะแนนจาก 95 % เป็น 100 % คะแนนที่เพิ่มขึ้นมาจากไหน การนับคะแนนบัตรดี บัตรเสีย และระบบการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พรรคมีคะแนนรวมมากขึ้น จาก 7 ล้านกว่าคะแนน เป็น 8 ล้านกว่าคะแนน แต่กลับมีตัวเลข ส.ส.บัญชีรายชื่อลดลง จึงอยากให้ กกต.ชี้แจงความชัดเจน เพราะพรรคก็มีข้อกังขาเช่นกัน ดังนั้น กกต.ต้องพิสูจน์ตัวเอง
นายสนธิรัตน์ ย้ำว่า ขอให้ทุกฝ่ายเคารพทุกเสียงของประชาชน และไม่ควรถูกนำไปกล่าวอ้างเพื่อสร้างความชอบธรรม ซึ่งพรรคมีความกังวลเรื่องการแบ่งฝ่ายนำไปสู่ความขัดแย้งซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
"บรรยากาศในขณะนี้ที่น่าเป็นห่วงคือการใช้คำพูดปักหมุดแล้วขยายผล แล้วสังคมก็จะหลงตามคำพูดนั้นๆ ดังนั้นในแต่ละคำถามที่เกิดขึ้นผมขอให้ใช้ความเป็นจริงและข้อเท็จในการติดตามสถานการณ์ อย่างเช่นกรณี ที่ระบุว่ามีการซื้อตัวต่างๆ จะซื้อได้อย่างไร เมื่อคะแนนยังไม่นิ่ง แล้วมาโยนให้ทางพรรคเป็นผู้ทำงูเห่า ดังนั้นผมขอถามกลับว่า มาทำงูเห่าทางพรรคพลังประชารัฐบ้างหรือเปล่า มาซื้อตัวคนของพรรคผมบ้างหรือไม่ อันนี้คือคำถามดังนั้นอย่าไปปักหมุดอะไรทั้งสิ้น"
"ส่วนความเคลืีอนไหวในการฟอร์มทีมรัฐบาลเป็นเรื่องของพรรคแกนนำ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่การฟอร์มรัฐบาลครั้งนี้แตกต่างจากอดีต โดยสิ้นเชิง เพราะมีเงื่อนเวลาของงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกซึ่งสำคัญที่สุดของพี่น้องชาวไทย ดังนั้นการประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจึงมีขึ้นหลังพระราชพิธี บัดนี้การเลือกตั้งเสร็จแล้ว อาจจะเห็นโฉมหน้ารัฐบาลได้บ้างแต่ยังไม่สามารถเห็นบทสรุป จึง ต้องรอให้ กกต.ประกาศผลอย่างเป็นทางการ และตอนนั้นจึงจะนำไปสู่การรวบรวมเสียงที่ชัดเจน ระหว่างนี้พรรคก็จะทำงานของพรรคและเตรียมร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากที่สุดในเดือน เม.ย.เป็นต้นไป" นายสนธิรัตน์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :