ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณี ที่มี ส.ส. รายหนึ่งโพสต์ข้อความลงโซเชียลมีเดีย หลัง ศาลฯอนุญาตให้ปล่อยตัว 8 อดีตแกนนำ กปปส. ที่ระบุว่า
"ถ้าฝ่ายหนึ่งได้ประกันตัว อีกฝ่ายก็ควรจะต้องได้เช่นกัน ถ้าไม่ได้ก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน ถ้ามีระบบตั๋ว มีความลักลั่น ก็อาจเป็นเริ่มต้นของความล่มสลายของความน่าเชื่อถือของระบบตุลาการไทย"
ราเมศมองว่า เป็นข้อความบิดเบือนข้อเท็จจริง ใส่ร้ายอำนาจตุลาการ กล่าวหาว่าศาลมี 2 มาตรฐาน มีระบบตั๋วคล้ายกับมีใบสั่ง เพื่อให้ปล่อยตัวชั่วคราว 8 คน ที่เป็นอดีตแกนนำของ กปปส. ซึ่งไปเทียบเคียงกับกรณีของ 4 แกนนำกลุ่มเยาชน 4 คนที่ไม่ได้ปล่อยตัว
ราเมศกล่าวต่อว่า อยากบอกข้อเท็จจริงถึงการปล่อยตัวหรือไม่ให้ประกันนั้น ท่านตุลาการดูข้อเท็จจริงจากสำนวน พฤติการณ์ที่แตกต่างกัน
"แกนนำ กปปส. ทั้ง 8 คน ศาลอุทธรณ์ได้พิเคราะห์แล้วว่าจะมีพฤติกรรมที่จะหลบหนีหรือไม่ มีหลักทรัพย์ในการยื่นเพียงพอที่กำหนดไว้หรือไม่ และหากปล่อยไปแล้วจะไปกระทำความผิดซ้ำหรือไม่"
ราเมศกล่าวอีกว่า แต่หากไปเทียบเคียงกับ 4 คน ที่เป็นแกนนำกลุ่มเยาวชน ก็มีการปล่อยตัวมาให้หลายครั้ง นับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่ออนุญาตมาแล้วหากมีไปกระทำความผิดในลักษณะซ้ำอีก จะเป็นข้อเท็จที่เกิดขึ้นในสำนวน ในการพิจารณาของศาลฯ
ทั้งนี้ ได้เตรียมเอกสารหลักฐาน ที่เกี่ยวข้อง กับ ส.ส.คนดังกล่าว เพื่อที่จะไปยื่นต่อ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อให้พิจารณาว่าการกระทำนี้มีความผิดตาม ม.198 หรือไม่ หากผิดก็ต้องดำเนินคดีให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
ทั้งนี้ มาตรา 198 ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ