วันที่ 30 พ.ค. ที่ทำการพรรคประชาชาติ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวภายหลังการประชุมความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ พร้อมสนับสนุนบุคลากรในภารกิจและคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ตั้งไว้ สิ่งที่คาดหวังคือนโยบายที่ดีที่สุดจากรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา ส่วนเรื่องการจัดสรรตำแหน่งต่างๆ จะแบ่งตามวาระที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลแถลงไว้ โดยใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และตามข้อตกลงที่ลงไว้ใน MOU
"พวกดีลล้วง ดีลลับต่างๆ พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยน 'ดีลรัก' ให้หมด เพื่อรัฐบาลของพี่น้องประชาชน" นพ.ชลน่าน กล่าวทิ้งท้าย
จากนั้น พิธา และ นพ.ชลน่าน ยังได้ทำสัญลักษณ์มือเป็นรูปหัวใจ มินิฮาร์ท โชว์ต่อหน้าสื่อมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพื่อตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
ขณะที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวภายหลังการประชุมความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาล โดยเน้นย้ำว่า วันเวลาและความหวังของประชาชนใกล้เข้ามาถึงแล้ว ถึงอยากให้พวกเราร่วมใจกันทำให้เวลาและความหวังของประชาชนมาถึงอย่างเรียบร้อย ตามเจตจำนงของการเลือกตั้ง ไม่อยากให้มีฝ่ายใดยื้อเรื่องนี้ไว้ทำให้ประชาชนผิดหวัง
"ไม่อยากให้ทุกคนดูถูกว่าประชาชนนั้น ไร้ซึ่งอำนาจ ผมอยากให้ทุกคนมองเห็นว่าความหวังของประชาชนเป็นสิ่งที่มีพลัง ถ้าเราปล่อยเรื่องนี้ สิ่งที่เราไม่ต้องการอาจจะเกิดขึ้นก็ได้"
"ส่วนคณะของเราจะทำงานได้มากน้อยแค่ไหน มีเครื่องชี้วัดคือประชาชนนั่นเอง เราจะอยู่ไม่ได้ถ้าเราไม่ทำตามคำมั่นสัญญาหรือ MOU ที่เราได้ให้ไว้แล้ว และผมเชื่อว่าพวกเราพร้อมจะไป เมื่อประชาชนเขาไม่ต้องการเรา เราจะไม่ยื้อทำงานจนกระทั่งมีพลังมากดดันเรา ไม่จำเป็น
"ในทางการเมืองนั้น มาได้ ก็ไปได้ ถ้าประชาชนต้องการ และเราพร้อมจะไป เมื่อประชาชนไม่ต้องการ หรือเห็นว่าอยู่ไปไม่เกิดประโยชน์"
วันมูหะหมัดนอร์ ยังกล่าวต่อไปว่า ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะนำมาสู่ความสุขความเจริญในประเทศ อย่าให้มีการดูถูกว่า เมื่อประชาชนหวังแล้ว เราผลักความหวังเขาออกไป ตนเกรงว่าพลังของประชาชนนั้นจะมีมากเพียงพอที่จะทำให้เกิดอะไร อยากให้เราช่วยกัน เราเหลืออีกเพียงนิดเดียว
ทั้งนี้ เราจะนับหนึ่งก็ต่อเมื่อ กกต. รับรอง ซึ่งต้องขอชื่นชมว่าการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา กกต. จัดการเลือกตั้งได้สงบเรียบร้อยพอสมควร หน่วยเลือกตั้งมีจำนวนมาก อาจมีข้อบกพร่องบ้าง แต่ก็มีระบบของมัน จึงหวังให้กกต. รับรองผลเพื่อดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป เสียเวลาเพียงสัปดาห์เดียวหรือวันเดียวก็มีค่าสำหรับประชาชน
ยืนยันว่า ตนไม่ได้กดดัน กกต. แต่หากปล่อยให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะส่งผลต่อข้อกังวลและความเชื่อมั่น ไม่ใช่เพียงต่อ 8 พรรคร่วมรัฐบาลนี้เท่านั้น แต่ทั้งประเทศ จึงไม่ควรปล่อยให้ความหวังของประชาชนต้องสลายไป ควรรีบดำเนินการเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว
ด้าน ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กล่าวภายหลังการประชุมความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่า โดยระบุว่า หลังจากพรรคเป็นธรรมได้ร่วมลงนามใน MOU ตนได้รับการติดต่อเป็นจำนวนมากจากเพื่อนในแวดวงข้าราชการ แสดงความห่วงใยต่อการทำงานของรัฐบาลที่กำลังจะมีขึ้น ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมือง
ตนขอฝากไปยังเพื่อนข้าราชการว่า อย่าได้กังวลว่าการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะมีขึ้น จะสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อตำแหน่งงาน หรือทำให้เกิดผลกระทบ
"ขอน้อมนำพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 'เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชน' นัยสำคัญคือ หากเพื่อนข้าราชการทำงานเพื่อประโยชน์ของมหาชนแล้ว ท่านอย่ากลัวพรรคใหม่ที่จะเข้าไป พรรคเราจะทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยแท้จริง"
ปิติพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า แต่ถ้าท่านใดทำอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน เช่นเพื่อน กกต.ที่ทำงานล่าช้า พยายามหน่วงเหนี่ยวไม่ให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นได้ พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 ของเราก็มีเวลาให้ท่านโดยจำกัดเช่นกัน
ส่วนกรณีหุ้นสื่อของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่มีผู้ร้องนั้น พรรคเป็นธรรมได้ส่งคณะทำงานด้านกฎหมายเข้าไปตรวจสอบแล้ว ขอยืนยันกับผู้ร้อง และผู้ที่มีความห่วงใยทั้งหลายว่า คุณพิธา มีคุณสมบัติเหมาะสม และมีความชอบธรรม และทีมกฎหมายของพรรคเป็นธรรมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้คำร้องดังกล่าวถูกตีตกไปในที่สุด