เมื่อเวลาประมาณ 19.40 น. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เสาชิงช้า สกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามอิสระ หมายเลข 3 ขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีประชาชนจำนวนมากให้กำลังใจ และมอบสิ่งของเป็นที่ระลึกด้วยความใกล้ชิด จากนั้น สกลธี ได้กล่าวถึงประวัติในการทำงานของตนที่ผ่านมา ทั้งประสบการณ์เมื่อครั้งเป็น ส.ส.เขตบางซื่อ และรองผู้ว่าฯ กทม. 4 ปี พร้อมยืนยันว่าตนไม่เคยคิดเสียใจกับประวัติที่เคยเป็นแนวร่วม กปปส.

"หลายคนสงสัยว่าผมกังวลหรือไม่ ที่มีคนขุดมาว่า ผมเคยเป็นแกนนำ กปปส. ด้วย ผมเรียนตรงนี้ว่า ผมไม่เคยเสียใจเลย ผมเชื่อมั่นในอุดมการณ์ในช่วงนั้นที่ต่อสู้ร่วมกับพี่น้องอีกหลายล้านคน ในการต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย การผลาญงบประมาณของชาติไปกับนโยบายจำนำข้าว ประเทศเสียหายไปหลายแสนล้าน" สกลธี กล่าว

สกลธี กล่าวต่อไปว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 9 ปี พร้อมทั้งได้เน้นย้ำให้ความมั่นใจกับคน กทม.ถึงจุดแข็งในการทำงานของตนเองว่า ตนเป็นคนที่ได้เห็นปัญหาของกรุงเทพฯ มาโดยตลอด และเมื่อมีโอกาสได้เข้าไปเป็นรองผู้ว่าฯ ก็ได้ทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่ เช่น เรื่องของการจับมอเตอร์ไซค์วิ่งทางเท้า ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญในความปลอดภัยของผู้ใช้ทางเท้า ก็สามารถกวดขัน จับ ปรับ ได้ถึงปีละ 15 ล้านบาท

"สกลธี นี่แหละ จะเป็นผู้ว่าฯ กทม. สมัยใหม่คนแรก ที่หาเงินได้ ใช้เงินเป็น และกระจายงบประมาณไปทั่วทุกเขตในกรุงเทพฯ"

นอกจากนี้ สกลธียังเผยเหตุผลที่ตนเหมาะสมกับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ด้วยงานกรุงเทพฯ เป็นงานที่จุกจิก ปัญหาเกิดได้ตลอดเวลา ผู้ว่าฯ ต้องพร้อม ตนในวัย 44 มีไฟอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีประสบการณ์บริหารถึง 14 ปี ตนรู้ทุกอย่าง ทุกปัญหาและวิธีแก้ แต่ยังขาดโอกาสได้แสดงความสามารถ วินาทีแรกที่ตนเข้าสู่ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. จะสามารถทำงานต่อได้ ทันทีไม่ต้องรอ ไม่ต้องอุ่นเครื่อง และจะสามารถกระจายงบประมาณให้ทั่วถึง ไม่กระจุกอยู่แค่กรุงเทพฯ ชั้นใน

สกลธี ยังเน้นย้ำถึงความอิสระทางการเมืองของตน ไม่มีโควตาฝากเลี้ยงจะพรรคใดๆ ทีมงานทุกคนที่ตนเลือก จะต้องเป็นผู้มีความสามารถ และแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ เมื่อตนไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง ทำให้ตนไม่ต้องตอบแทนใครหน้าไหน แต่จะตอบแทนเพียงคนกรุงเทพฯเท่านั้น

"ทุกอย่างที่ผู้ว่าฯ สกลธี ทำ จะต้องยั่งยืน ไม่เหลือเป็นอนุสรณ์ ให้คนรุ่นหลังมานั่งด่าว่า นี่อะไร ทิ้งเอาไว้ได้อย่างไร" สกลธี กล่าว

'ณัฏฐพล' อดเลือกตั้ง เชื่อคนกรุงเทเสียงทำผลโพลหน้าแตก

หลังจบการปราศรัย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และแนวร่วมกลุ่ม กปปส. กล่าวว่า วันนี้ตนมาในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่โดนตัดสิทธิเลือกตั้ง แต่เป็นคนกรุงเทพฯ จึงอยากเห็นว่ามีวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของคนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังไม่ปฏิเสธถึงความสนิทสนมกับ สกลธี แต่มองเห็นความตั้งใจและทีมงานที่มีศักยภาพ

สำหรับครั้งนี้ แม้ตนจะไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ให้เป็นหน้าที่ของประชาชน มั่นใจว่าคนกรุงเทพฯ จะใช้การตัดสินใจอย่างละเอียด เพราะในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ผ่านมา ทุกปีจะเห็นว่าคนกรุงเทพฯ ทำโพลหน้าแตกบ่อยครั้ง เชื่อว่าครั้งนี้ยังมีคนกรุงฯ ไม่ได้ใช้สิทธิผ่านโพล ดังนั้น จึงขอให้ออกมาใช้สิทธิ เพื่อเลือกตัวแทนที่ดีที่สุด 

“ความใกล้ชิดกับสกลธี เป็นธรรมดา เพราะเห็นว่าความตั้งใจ ความมีอุดมการณ์ ความซื่อสัตย์สุจริต ในการทำงานตลอด 16 ปี ถ้าเลือกคนที่ซื่อสัตย์สุจริต จะไม่ผิดหวัง” ณัฏฐพล กล่าว

'สกลธี' ปลื้มใจ 'สุเทพ' เชียร์ แต่รับมีทั้งกระแสบวก-ลบ ไม่เชื่อผลโพล

ด้าน สกลธี กล่าวว่า ดีใจกับผลตอบรับที่ดีในวันนี้ ซึ่งได้โอกาสเปิดตัวทีมงานนโยบาย ซึ่งเผยว่าทุกคนในทีมจะได้เข้ามาเป็นผู้บริหาร รวมถึงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ สำหรับบางคนด้วย พร้อมเน้นย้ำว่าการลงสมัครอย่างอิสระ ตนจึงไม่ต้องเป็นหนี้ใคร และสามารถเลือกคนเข้ามาบริหารกรุงเทพฯได้ จึงจะเปิดรับทีมงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่คนที่อิสระไม่จริง

ส่วนกรณีที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) อดีตแกนนำ กปปส. เปิดตัวสนับสนุนตนนั้น สกลธี เผยว่า ได้ให้กำลังใจและโทรคุยเท่านั้น คงไม่ถึงขั้นมาร่วมปราศรัย ทั้งนี้ ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ กระแสหลังจาก สุเทพ เปิดตัวสนับสนุนมีทั้งบวกและลบ แต่ถ้ามีใครเชียร์ตนก็ดีใจแล้ว

ทั้งนี้ สกลธี ยังกล่าวถึงการที่ตนเคยอยู่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากผู้สมัคร ส.ก.พรรคพลังประชารัฐบางส่วน สกลธี เผยว่า มีผู้สมัคร ส.ก.จากทั้งสองพรรค ที่เริ่มแสดงแนวโน้มจะย้ายมาร่วมงานกับตน ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการเจรจากันเท่านั้น ซึ่งในอนาคตหากผู้สมัคร ส.ก. พร้อม ก็จะแถลงข่าวเปิดตัวอีกครั้ง 

ส่วนผลโพลที่ออกมานั้น ตนไม่เคยเชื่ออยู่แล้ว และไม่เคยเอามาคิด วันเลือกตั้งเท่านั้นจะเป็นผลโพลที่ดีที่สุด วันนี้จึงขอเสนอให้เห็นว่าหากเลือกสกลธีแล้ว คนกรุงเทพฯจะได้อะไร